

ปัจจุบันการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสามารถรับชมได้ทั่วโลก ใน Paris 2024 Olympics เอง หากจะสังเกตุดูรายงานข่าวจากสถานีทีวีจากช่องต่างๆ พบว่า มีฟุตเทจ รายงานน้อยมาก เพราะติดปัญหาลิขสิทธิ์มูลค่านับแสนล้านบาท
แต่ในอดีตการถ่ายทอดสดไม่ได้เป็นเช่นนี้ การถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกเกิดขึ้นที่กรุงเบอร์ลินในปี 1936 ซึ่งสามารถรับชมได้เฉพาะในพื้นที่ภายใน และ รอบกรุงเบอร์ลินเท่านั้น โดยใช้กล้อง 3 ตัว เท่านั้น
ซึ่งใช้กล้องเพียงตัวเดียวที่ใช้ในการถ่ายทอดสดทำให้สามารถรับชมการแข่งขันได้ถึง 162,000 คน
การถ่ายทอดสดภายในประเทศเดียว ยังเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโรมในปี 1960 ซึ่งมีการถ่ายทอดสดจาก 21 ประเทศไปยัง 18 ประเทศในยุโรป รวมถึง การถ่ายทอดไปยังสหรัฐอเมริกา แคนาดา และ ญี่ปุ่น
การถ่ายทอดสดในระดับโลก เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่การแข่งขันที่ เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2000 โดย International Olympic Committee (IOC) หรือ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ได้กำหนดให้การถ่ายทอดสดครอบคลุมทั่วโลก ซึ่ง IOC เป็นผู้จัดการสิทธิ์ด้านสื่อ และ รับผิดชอบในการส่งเสริมและรักษามาตรฐานของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
IOC เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันระดับโลกผ่าน Olympic Broadcasting Services (OBS) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดการแข่งขันให้กับผู้ถือสิทธิ์สื่อ โดยใช้ระบบคลาวด์ในการถ่ายทอดสด
ข้อจำกัดการถ่ายทอดสด
สื่อของออสเตรีเลียระบุว่า แม้ทีวีช่อง 9 ของออสเตรเลีย จะมีสิทธิ์ในการรับชมภาพ แล ะเสียงแบบฟรี และ สมัครสมาชิกสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่ยังมีกฎระเบียบที่สื่อออสเตรเลียต้องปฏิบัติตาม
- สื่อออสเตรเลียไม่สามารถเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับโอลิมปิกที่ไม่ได้ออกอากาศโดย Nine หากมีการออกอากาศโดยช่อง 9 หรือช่องที่เกี่ยวข้อง ลายน้ำต้องคงอยู่บนการออกอากาศ
- สำหรับข่าวโทรทัศน์ในออสเตรเลีย มีข้อกำหนดเพิ่มเติม เช่น กฎ 3x3x3 ซึ่งหมายความว่าผู้แพร่ภาพไม่สามารถฉายเนื้อหาเกี่ยวกับโอลิมปิกได้ “มากกว่า 3 รายการต่อวัน” และ “เนื้อหาโอลิมปิกที่ใช้ในรายการข่าวหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกิน 3 นาที” และ “รายการข่าวที่มีเนื้อหาโอลิมปิกต้องห่างกันอย่างน้อย 3 ชั่วโมง”
- มีกฎ 6×1½ สำหรับช่องข่าว 24 ชั่วโมง ซึ่งระบุว่า “เนื้อหาเกี่ยวกับโอลิมปิกจะใช้ในรายการข่าวไม่เกิน 6 รายการต่อวัน และต้องไม่เกิน 1 นาทีครึ่งในแต่ละรายการข่าว”
การรายงานการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกต้องไม่มีการโฆษณา โปรโมชั่น การประชาสัมพันธ์ หรือข้อความอื่นใดที่ปรากฏพร้อมกัน รวมถึงเนื้อหาที่ซ้อนทับหรือแยกหน้าจอ
หากสื่อใช้เนื้อหาโอลิมปิกในทางที่ผิด IOC อาจระงับการเข้าถึงสถานที่จัดการแข่งขัน เพิกถอนการรับรอง หรือเพิกถอนสิทธิ์ในการเข้าถึงสื่อโอลิมปิก และอาจดำเนินการทางกฎหมายเรียกร้องค่าเสียหาย
การลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหาศาล
การระดมทุนเพื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมีข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เคร่งครัด ซึ่งผู้ถือสิทธิ์ที่ไม่ได้ถือสิทธิ์จะต้องปฏิบัติตาม ข้อจำกัดในการใช้วัสดุเกี่ยวกับโอลิมปิกเกิดจากระยะเวลาที่มีเพียงไม่กี่สัปดาห์ทุก ๆ 4 ปี ทำให้ผู้ถือสิทธิ์ต้องใช้สิทธิ์ของตนให้เต็มที่
การปกป้องสิทธิ์พิเศษเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ถือสิทธิ์เห็นคุณค่าของการลงทุนทางการเงินที่สำคัญ การรักษาสิทธิ์สื่อเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ IOC เพราะสิทธิ์เหล่านี้เป็นแหล่งรายได้หลักของ IOC มานานกว่า 30 ปี
ในช่วงปี 2013–2016 สิทธิ์ในการออกอากาศคิดเป็น 74% ของรายได้รวมของ IOC ซึ่งมีมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือรา 1.46 แสนล้านบาทแต่ในช่วงปี 2017–2020 สัดส่วนของรายได้จากสิทธิ์ในการออกอากาศลดลงเหลือ 61%
อย่างไรก็ตาม มูลค่าทางการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 6.9 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเกิดจากรายได้จากโครงการสนับสนุนระดับโลกที่เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า
ในไทยวุ่นวายทุกครั้งเมือมีการถ่ายทอดสด
สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ในประเทศไทย ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดถูกถือครองโดยบริษัท Dentsu Inc. ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาใหญ่ของญี่ปุ่น Dentsu ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดใน 22 ประเทศในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2018 ถึงปี 2024
การลงทุนเพื่อซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับภาคเอกชนจะต้องใช้เงินประมาณ 400 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา ททท. เคยได้รับการสนับสนุนครึ่งหนึ่งจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ของ (กสทช.) และส่วนที่เหลือจากกองทุนพัฒนาการกีฬาชาติ
แต่ใน Paris 2024 Olympics ครั้งนี้ ได้กสทช. ปฏิเสธการสนับสนุนงบประมาณ ทำให้ กกท. ต้องหันไปหาภาคเอกชนเพื่อร่วมลงทุนในการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้
https://olympics.com/ioc/funding
https://thejournalistclub.com/paris-olympic-2024-lvmh-sponsorship-france-fashion/