

- “NIA” สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ ดันดีพเทคสตาร์ตอัพไทย 7 ทีม ในโปรเจกต์ “Inno4Farmers 2022”
- นำนวัตกรรมไฮเทคพลิกโฉมภาคเกษตรไทย ลุยจับคู่ลงทุนต่อยอดตลาด
- ขยายฐานลูกค้า ทั้งในประเทศและทั่วโลก ปี’65 โตไม่ยั้งเงินลงทุนใหม่พุ่ง 1,200 ล้านบาท
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) “NIA” เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการ “Inno4Farmers 2022” เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคเกษตรไทยเป็นปีที่ 3 เน้นการสร้างนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพด้านการเกษตรหรือ Deep Tech Startup หันมาพัฒนาเทคโนโลยีตอบโจทย์การเกษตรอย่างตรงจุด แล้วสามารถขยายฐานธุรกิจเติบโตได้ไปพร้อมกัน สร้างโอกาสต่อยอดขยายตลาดและฐานลูกค้า สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในไทย

ปี 2565 มีสตาร์ทอัพชนะการแข่งขันรวม 7 ทีม ได้รับรางวัล The Best Performance Inno4Famers 2022 Award ซึ่งมีคณะกรรมการเป็นผู้ตัดสิน และรางวัล The Popular Inno4Farmers 2022 Award ใช้วิธีให้ผู้เข้าร่วมงานโหวตตัดสิน ซึ่งแต่ละทีมมีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีรวมทั้งมีโอกาสเสนอแนวคิด/โซลูชั่น พร้อมร่วมทำงานจริงกับองค์กรพันธมิตรภาคการเกษตรชั้นนำของประเทศ และสามารถเชื่อมโยงกับภาครัฐ เอกชน และนักลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจผ่านเวทีนำเสนอผลงานและแผนธุรกิจต่อนักลงทุนและผู้ที่สนใจนวัตกรรมด้านการเกษตร
สถิติปี 2565 ประเทศไทยมีเงินลงทุนในสตาร์ทอัพด้านการเกษตรมูลค่าราว 1,200 ล้านบาท ซึ่งพบนักลงทุนสตาร์ทอัพเลือกใช้ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกเพิ่มขึ้นมีตัวอย่างนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ เช่น “รีคัลท์” ริเริ่มใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning ช่วยประมวลผลให้เกษตรกรมีข้อมูลในการตัดสินใจ ลดความเสี่ยงจากการเพาะปลูก
ส่วน “ไบโอม” นำผลงานวิจัยด้านเอนไซม์พิเศษและชีววิทยาสังเคราะห์มาผลิตสารช่วยยืดอายุผักและผลไม้ และผลิตภัณฑ์เอนไซม์ล้างผักและผลไม้ที่มีคุณสมบัติทำลายโครงสร้างทางเคมีสารพิษฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้ได้สำเร็จ

ขณะที่ภาพรวมปี 2564 สตาร์ทอัพลงทุนด้านการเกษตรทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 3.7 แสนล้านบาท มีตัวอย่างสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น 2 ราย ได้นำเทคโนโลยีเชิงลึกมาแก้ไขปัญหาความซับซ้อนภาคเกษตร ดึงดูดการลงทุนได้ด้วยมูลค่าสูงขึ้นมาก ได้แก่ อินารี่/Inari ได้นำเทคโนโลยีชีวภาพมาปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ กับโบวิรี่/Bowery ทำวิเคราะห์ภาพถ่ายร่วมกับใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการควบคุมโรงเรือนปลูกพืชด้วยระบบอัตโนมัติ
ดร. พันธุ์อาจ กล่าวว่า โครงการ Inno4Farmers มี 20 หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนตอบรับเข้าร่วมระดมสมองเพื่อเข้าถึงปัญหาเชิงลึกของอุตสาหกรรมและสรรหาสตาร์ทอัพ ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศและของโลก ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสตาร์ทอัพกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในภาคเกษตรตั้งแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย ภาครัฐ และนักลงทุนทั้ง VC และ CVC โดยสตาร์ทอัพที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 7 ราย เป็นทีมที่มีเทคโนโลยีนวัตกรรม หรือโซลูชั่นที่โดดเด่น สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาให้ภาคการเกษตรได้อย่างแท้จริง ทั้งระดับประเทศและอุตสาหกรรมการเกษตรระดับโลก จึงถือเป็นโอกาสของสตาร์ทอัพด้านเกษตรในไทยที่จะก้าวสู่ระดับนานาชาติต่อไป
ตัวอย่างเช่น “อีซี่ไรซ์/Easy Rice” ได้รับโอกาสนำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตรวจสอบคุณภาพข้าวและพันธุ์ข้าวไปทำงานร่วมกับข้าวหงษ์ทองและข้าวไก่แจ้ โดยได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาในการวางแนวทางขยายการใช้งานที่ชัดเจนในวงกว้างขึ้น พร้อมขยายไปสู่กลุ่มธุรกิจอื่น เช่น กลุ่มธุรกิจธัญพืชในยุโรป ซึ่งได้ขยายธุรกิจไปสู่สหราชอาณาจักรและได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 12 ผู้เข้าร่วมโครงการ AI Accelerator ของมหาวิทยาลัยเอดินเบอระด้วย
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า สตาร์ทอัพทั้ง 7 ทีที่ชนะในโครงการInno4Farmer 2022 ประกอบด้วย 1.Aqua Innovac นาโนวัคซีนฟาร์มสัตว์น้ำเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดและเพิ่มผลผลิต 2.ZeroLoss ระบบบริหารจัดการน้ำและชลประทานเพื่อการเกษตร 3.UniFAHS ผลิตภัณฑ์สารเสริมชีวภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตโดยลดความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดในฟาร์มสัตว์ปีก 4.Egg E Egg ระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกไข่ไก่ในฟาร์มขนาดใหญ่
5.Maxflow ระบบปรับโมเลกุลน้ำด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดการใช้น้ำและปุ๋ย 6. AgriGen ระบบ AI ในการบริหารคุณภาพน้ำนมเพื่อเพิ่มผลผลิตให้กับฟาร์มโคนม และ 7. Intscent ระบบ E-Nose เพื่อคัดแยกคุณภาพเมล็ดกาแฟและสร้างตลาดให้กับผู้ผลิตและผู้ขายเมล็ดกาแฟ

โดยแต่ละโครงการอยู่ในช่วงเริ่มต้นสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบพร้อมนำไปใช้งานและต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการนำโซลูชั่นไปพิสูจน์ทดลองการใช้งานจริงเพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น กรมชลประทาน บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มานิตย์เจเนติกส์ จำกัด บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
ดร.กริชผกาย้ำว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมของทั้ง 7 ทีม สามารถนำไปต่อยอดแก้ปัญหาการเพิ่มผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตรได้ นอกจากจะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคเกษตรแล้ว ยังกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของระบบนิเวศและทำให้เกิดการลงทุนในธุรกิจด้านเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก คาดสตาร์ทอัพในโครงการฯ จะถระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการ “Inno4Famers มุ่งพัฒนาและเร่งสร้างสตาร์ทอัพด้านการเกษตรให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรผ่านการยกระดับความสามารถเรื่องการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ตลอดห่วงโซ่มูลค่าทางการเกษตร สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลเรื่องการพัฒนา BCG : Bio-Circular-Green เศรษฐกิจชีวภาพ – เศรษฐกิจหมุนเวียน -เศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของประเทศและคู่ค้าในตลาดโลกด้วย
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen