ชุดนักเรียนราคาขึ้น! ผู้ปกครองกัดฟันซื้อไม่ต่ำกว่า 3 พันบาทต่อคน

ชุดนักเรียนราคาขึ้น!
ชุดนักเรียนราคาขึ้น!


ชุดนักเรียนราคาขึ้น! ผู้ปกครอง กัดฟันซื้อชุด อุปกรณ์การเรียนไม่ต่ำกว่า 3 พันบาทต่อคน สวนทางรายได้ถดถอย ด้าน หอการค้าไทย ระบุเปิดเทอมเงินสะพัด 6 หมื่นล้าน สูงสุดในรอบ 15 ปี

  • สวนทางรายได้ถดถอย
  • หอการค้าไทย ระบุเปิดเทอมเงินสะพัด 6 หมื่นล้าน
  • สูงสุดในรอบ 15 ปี

วันที่ 11 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศก่อนเปิดภาคการเรียนใหม่ปีการศึกษา 2567 เปิดเทอมวันแรกหลายแห่ง ในวันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม 2567 นี้ ตั้งระดับอนุบาล ประถม และมัธยมในพื้นที่ จชต. ประกอบกับเศรษฐกิจ และรายได้ของพี่น้องประชาชนไม่สู้ดีนัก

พ่อแม่ผู้ปกครอบยังคงเตรียมใจในเรื่องค่าใช้จ่ายของลูกหลาน รับเปิดเทอมใหม่นี้ ทั้งเสื้อ กางเกงนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคน ยิ่งพ่อแม่ผู้ปกครองมีลูกหลานหลายคน คาดใช้ถึงหลักหมื่นบาท ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องกัดฟันสู้กับราคาที่เพิ่มขึ้นจากหลายปีมานี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่รายได้น้อย เศรษฐกิจถดถ่อย สินค้าบางรายการราคาขึ้นอย่างน่ากังวล

ด้านผู้ปกครองหลายคนได้สะท้อนเสียงเดียวกันว่า ต้องเตรียมเงินจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะ ให้กับลูกๆ ในการซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน แม้ว่าราคาสินค้าอุปกรณ์การเรียนขึ้นก็ต้องยอมซื้อให้ลูกได้ใช้ ได้สวมใส่ เพราะอยากให้ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ พ่อแม่บางคนต้องกัดฟันยืมเงิน กู้เงิน

ขณะที่ร้านค้าต่างๆ จำเป็นต้องปรับราคาตามกลไกตลาด ราคาสินค้าเกือบทุกรายการ เช่นเสื้อนักเรียน กางเกงนักเรียน รองเท้านักเรียน ถุงเท้า เข็มขัด กระเป๋า ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ให้ข้อมูลว่า เหตุที่ต้องเพิ่มราคา เนื่องจากสินค้าในร้านเองก็ต้องสั่งสินค้ามาใหม่เช่นกัน กับค่าขนส่งที่มีราคาแพงขึ้น และได้ชี้แจงราคาตรงไปตรงมาไปยังผู้ปกครองก่อนตัดสินใจซื้อ แม้ว่าการขึ้นราคาทำให้ผู้ปกครองลำบากใจ แต่ทุกคนสู้ที่จะซื้อให้ลูกหลานมีใส่ในวันเปิดเทอมใหม่นี้

สอดคล้องกับข้อมูลของนายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายและผลกระทบของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมว่าปีนี้ พบว่า หนังสือเรียนมีราคาแพงขึ้น ขณะที่ค่าเทอมซึ่งสัดส่วน 50% ในโครงสร้างค่าใช้จ่ายก็ปรับสูงขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 20,039 บาท/คน

เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายปีนี้กับปีก่อน ส่วนใหญ่ 46% ตอบว่าเท่าเดิม, 33.1% ตอบว่าเพิ่มขึ้น, 10% ตอบว่า เพิ่มขึ้นมาก, 10% ตอบว่าน้อยลง และ 0.9% ตอบว่าน้อยลงมาก คนที่ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นให้เหตุผลว่าเป็นเพราะราคาสินค้าแพงขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 25,322 บาท/คน

เมื่อถามว่ามีเงินเพียงพอกับค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมหรือไม่ ส่วนใหญ่ 54.4% ตอบว่าเพียงพอ เนื่องจากมีการนำเงินออมออกมาใช้ และ45.6% ตอบว่าไม่เพียงพอ ส่วนใหญ่แก้ปัญหาด้วยการ ขอผ่อนชำระเป็นงวดๆ นำทรัพย์สินไปจำนำ และกู้เงินนอกระบบ โดยเมื่อเปรียบเทียบความเพียงพอต่อการใช้จ่ายปีนี้กับปีก่อนพบว่ามีอัตราลดลงเหลือ 54.4% ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 63.5 %

ทั้งนี้ยังสอบถามว่าค่าเล่าเรียนทำให้ต้องก่อนหนี้เพิ่มหรือไม่ ส่วนใหญ่ 69.3% ตอบว่าไม่มีส่วน, 23.2% ตอบว่า มีประมาณ 10-20% ของยอดหนี้ทั้งหมด, 6.7% ตอบว่ามีประมาณ 30-50% ของยอดหนี้ทั้งหมด และ 0.8% ตอบว่ามีประมาณ 60-70% ของยอดหนี้ทั้งหมด

โดยผู้ปกครองมองว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของการศึกษาคือ ครูมีไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน รวมทั้งมีความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาในเมืองกับนอกเมือง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดี ม.หอการค้าไทยกล่าวว่า คาดว่าเปิดเทอมปีนี้จะมีเงินสะพัด 60,322 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน 4.21% และสูงสุดในรอบ 15 ปี เพราะค่าครองชีพ เพิ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น

โดยคนยังระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะมองว่าจากเศรษฐกิจ ฟื้นตัวช้า และพบว่า คนที่เงินไม่พอใช้จ่ายเลือกใช้ วิธีผ่อนชำระโดยใช้เงินกู้จากบัตรเครดิต แต่เชื่อว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ ครัวเรือน เนื่องจาก บางส่วนยังสามารถนำเงินออมออกมาใช้ได้

ส่วน 5 ข้อเสนอรัฐบาลปรับปรุงด้านการศึกษาของไทย ได้แก่

1.เพิ่มบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะคุณครูให้มีจ่านวนเหมาะสมในการดูแล นักเรียน

2.ปรับการเรียนการสอนโดยเฉพาะวิชาแกน เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ให้ น่าสนใจ ใช้การปฏิบัติการควบคู่ทฤษฎี

3.สร้างความตระหนักรู้ให้กันเยาวชน เกี่ยวกับสิ่งเสพติดต่างๆ รวมโรงเรียนควร สอดส่องให้เข้มงวดมากขึ้น

4.ลดความเหลื่อมล่าด้านการศึกษาทังอปุ กรณ์การเรียนการสอน ความรู้ ทักษะ ความคิดต่าง ๆ

5. พัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้เท่าทนัโลกและสามารถน่าเทคโนโลยี มาช่วยพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ และสามารถจัดการเรียนการสอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“นอกจากนี้ รัฐบาลควรปรับปรุงการศึกษา ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสำคัญมาก เด็กควรจะมีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ความรู้พื้นฐานไอที และภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน พร้อมใช้นโยบายธนาคารหน่วยกิจเพื่อสนับสนุน ให้เด็กสามารถเข้าถึงการศึกษาจากที่ใดก็ได้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ควรร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ” นายธนวรรธน์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ชุดนักเรียนขึ้นราคา ผู้ปกครองเหนื่อยจัด กัดฟันกู้เงินจ่าย หวังลูกมีใช้เปิดเทอม

: ครม.รับทราบมาตรการด้านความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน