“พิพัฒน์” เผยข่าวดี เพิ่มเงิน-สวัสดิการ ลูกจ้างเภสัชกรรม-ไปรษณีย์ไทย

“พิพัฒน์” เผยข่าวดี เพิ่มเงิน-สวัสดิการ ลูกจ้างเภสัชกรรม-ไปรษณีย์ไทย
“พิพัฒน์” เผยข่าวดี เพิ่มเงิน-สวัสดิการ ลูกจ้างเภสัชกรรม-ไปรษณีย์ไทย

“พิพัฒน์” เผยข่าวดี คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์รัฐวิสาหกิจ ไฟเขียว เพิ่มเงินเพิ่มสวัสดิการ ลูกจ้างองค์การเภสัชกรรม-ไปรษณีย์ไทย ขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงของโครงสร้างอัตราเงินเดือน เป็น 142,830 บาท

  • ขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูง
  • ของโครงสร้างอัตราเงินเดือน เป็น 142,830 บาท

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ได้มีมติเห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะของเภสัชกร และสวัสดิการค่าเช่าบ้าน และเห็นชอบให้ไปรษณีย์ไทย ปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงของโครงสร้างอัตราเงินเดือน เป็น 142,830 บาท

นายพิพัฒน์ เปิดเผย ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 3/2567 ว่า เพื่อเป็นการปรับปรุงสภาพการจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อีกทั้งสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของลูกจ้างให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่ประชุม ครรส. ซึ่งประกอบด้วยคณะ

กรรมการฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐ ได้มีมติเห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะของเภสัชกร จากอัตรา 1,000 บาท และ 3,000 บาท เป็น 10,000 บาท ต่อคนต่อเดือน และเห็นชอบสวัสดิการค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงานองค์การเภสัชกรรม ระดับ 1-11 ที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติงานประจำในต่างท้องที่ ในอัตราตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินเดือนละ 4,000 – 6,000 บาท

นอกจากนี้ ได้มีมติเห็นชอบให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงของโครงสร้างอัตราเงินเดือน จากอัตรา 113,520 บาท เป็น 142,830 บาท เพื่อให้สอดคล้อง

กับภาระงาน ขนาดองค์กร การแข่งขันในตลาดธุรกิจขนส่ง และสามารถรักษาผู้บริหาร ตลอดจนดึงดูดผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาในองค์กรได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ

ด้าน นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการหลังจากที่คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มีมติเห็นชอบแล้ว กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะเร่งดำเนินการแจ้งมติดังกล่าวแก่องค์การเภสัชกรรมและบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งเสนอเรื่องต่อกระทรวงเจ้าสังกัด เพื่อเตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

สำหรับองค์การเภสัชกรรม วัตถุประสงค์การจัดตั้ง (ตามพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ.2509) มี้ขึ้นเพื่อ ผลิตยาและเวชภัณฑ์ ส่งเสริมให้มีการศึกษาและวิจัยการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ส่งเสริมการวิเคราะห์ยาและเวชภัณฑ์รวมทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยาและเวชภัณฑ์ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และให้ซึ่งยาและเวชภัณฑ์ และ ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยาและเวชภัณฑ์

ขณะที่ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ การรักษาระดับราคายาและเวชภัณฑ์ไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นโดยเร็ว รักษาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน จัดหา และสนองความต้องการด้านยา และเวชภัณฑ์ให้แก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จัดหา และสนองความต้องการด้านวัคซีน และเซรุ่มให้แก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขสำรองยา และเวชภัณฑ์ตามแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติ จัดหา ส่งยา และเวชภัณฑ์แก่กองทุนและเวชภัณฑ์ประจำหมู่บ้านตามเป้าหมายของโครงการสาธารณสุขมูลฐาน

และสนับสนุนนโยบายสาธารณสุขอื่นๆ นอกจากเรื่องยา และนโยบายที่เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ ทั้งด้านการผลิต การจัดหา การกระจาย การบริโภค การควบคุมการพึ่งตนเอง การใช้เทคนิคและทรัพยากรที่เหมาะสมภายในประเทศ

ส่วน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ยังคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งอยู่ที่ อาคารสำนักงานใหญ่ ปณท. ถนนแจ้งวัฒนะ โดยปฏิรูปภาพลักษณ์ใหม่ ปรับปรุงบริการ และการให้บริการไปรษณีย์แก่ประชาชนทั่วไป และพัฒนาการให้บริการเชิงธุรกิจ เพื่อให้ ปณท. ก้าวไกล ทันสมัย ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดไป

ด้าน นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากทิศทางการเติบโตของภาคการผลิต การส่งออก และการเติบโตที่ต่อเนื่องของธุรกิจการค้าออนไลน์ – โลจิสติกส์ ส่งผลให้ความต้องการเช่าคลังสินค้ามีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ขนาดกลาง – รายใหญ่ที่มีแนวโน้มขยายพื้นที่เก็บสินค้าเพิ่มมากขึ้น ไปรษณีย์ไทยจึงมีการรองรับกับความต้องการใช้งานคลังสินค้าผ่านการเดินหน้าขยายบริการคลังสินค้าครบวงจร หรือ “THP Fulfillment – เก็บ แพ็ก ส่ง เก็บเงินปลายทาง” ตั้งแต่การเก็บรักษาสินค้า การบรรจุ การจ่าหน้า ตลอดจนถึงบริการบรรจุภัณฑ์ พร้อมการจัดส่งในระบบงานไปรษณีย์ด้วยบริการ EMS ส่งด่วนทุกปลายทาง

เพื่อขานรับเทรนด์ธุรกิจคลังสินค้าครบวงจรซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการของตลาดในธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปรษณีย์ไทยจึงได้เปิดให้บริการคลังสินค้ารองรับในพื้นที่รวมจำนวน 8 แห่ง ทั่วประเทศ ขนาดพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 3,235 ตารางเมตร ประกอบด้วย คลังสินค้ากรุงเทพฯ (แจ้งวัฒนะ) คลังสินค้าศรีราชา(ชลบุรี) คลังสินค้าอุดรธานี คลังสินค้าเชียงใหม่ คลังสินค้าราชบุรี คลังสินค้านครศรีธรรมราช คลังสินค้านครราชสีมา

ล่าสุดได้ขยายคลังสินค้าครบวงจร ณ จังหวัดตาก อำเภอแม่สอด เป็นแห่งที่ 8 โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคเศรษฐกิจช่วยลดภาระของผู้ประกอบการในการลงทุนพื้นที่คลังสินค้า อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำศักยภาพบริการของไปรษณีย์ไทยที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างครอบคลุม

นอกจากนี้คลังสินค้าทั้ง 8 แห่งยังมีความโดดเด่น ได้แก่ ใกล้แหล่งผลิต อาทิ นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ช่วยให้ธุรกิจที่ต้องการใช้ส่วนประกอบ – วัตถุดิบดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง ใกล้ตลาดผู้บริโภค ซึ่งจะตอบรับการเติบโตของภาคการค้าออนไลน์ ทำให้สินค้าแต่ละประเภทสามารถจัดส่งได้ทันที ใกล้กับเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สำคัญ

    ข่าวที่เกี่ยวข้อง: “พิพัฒน์” มั่นใจขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศได้แน่นอนวันที่ 1 ต.ค. 67

    : “พิพัฒน์” เผยข่าวดี คกก.รัฐวิสาหกิจ ไฟเขียวเพิ่มเงินเพิ่มสวัสดิการ