“ภูมิธรรม” เดินหน้า ประมูลข้าว 10 ปี ยืนยัน ข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาด

ข้าว10ปี
แฟ้มภาพ ข้าว

“ภูมิธรรม” เดินหน้า ประมูลข้าว 10 ปี ยัน ข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจไม่กระทบราคาข้าวในตลาด

  • ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งใน-ต่างประเทศ
  • มั่นใจไม่กระทบราคาข้าวในตลาด

วันที่ 8 มิถุนายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการ ประมูลข้าว 10 ปี ในสต็อกของรัฐบาลว่า ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ เพราะข้าวในสต็อกดังกล่าว ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว

พร้อม ยืนยันว่า เป็นข้าวที่สามารถรับประทานได้ และข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาประมูล

“เรามีมาตรการรองรับตามกฎ และดุลยพินิจของคณะกรรมการ มั่นใจไม่กระทบต่อราคาข้าวในตลาด ปัจจุบันราคาข้าวในตลาดขึ้นอยู่กับ demand และ supply และข้าวไทยยังเป็นข้าวที่มีคุณภาพ

เป็นที่ต้องการของต่างประเทศ และข้าวที่จะประมูลครั้งนี้ มีเพียง 15,000 ตัน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณข้าวไทยที่ส่งออกทั้งหมด” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าว

นอกจากนี้ การประมูลข้าวครั้งนี้ ผู้ประมูลมีตลาดอยู่แล้ว หรือไม่ก็จะนำข้าวที่ประมูลได้ไปทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นพลังงานหรือไปผลิตอื่นๆ เขาต้องคิดมาแล้ว ซึ่งต้องรอว่าผู้เข้าประมูลมากี่ราย ต้องดูว่าผู้ประมูลจะมาเท่าไหร่อย่างไร และ ผู้เข้าประมูลเองก็มีตลาดอยู่แล้ว คิดจะเอาไปทำอะไร เชื่อว่าจะมีคนมาประมูล

แต่หากไม่มีผู้มาประมูลก็จะต้องขอดูความเป็นจริงอีกครั้ง เป็นไปได้ ที่จะอาจขยายเวลาออกไปทำความเข้าใจให้มากขึ้น หรือหากมีผู้ประมูลน้อยราย หรือ 1 ราย ก็จะต้องมาดูข้อกฎหมาย ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง มีหลายวิธีขอดูความเป็นจริงก่อน เพื่อทำให้เกิดการประมูลให้ได้

ทั้งนี้ หากมีผู้ประมูลรายเดียวก็จะเปิดซอง เจรจาต่อรองราคา เพราะทางคณะกรรมการที่มีการตั้งไว้ มีราคากลางอยู่ในใจว่าข้าวคุณภาพเท่านี้จะได้ราคาเท่าไหร่ในภาวะที่ข้าวกำลังดี แต่ขอดู สถานการณ์วันที่มีการยื่นประมูลก่อน เราทำทุกอย่างอย่างโปร่งใส แล้วมีทุกอย่างตรวจสอบได้

โดยก่อนหน้านี้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ออกประกาศ หลักเกณฑ์การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไป โดยระบายแบบเหมาคลัง ตามสภาพของข้าวที่เก็บรักษาที่มีอยู่จริง รวม 15,013 ตัน ประกอบด้วย

– ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปีการผลิต 2556/57 จากคลังของ บริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด จ.สุรินทร์ จำนวน 3,356 ตัน

– ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปีการผลิต 2556/57 จากคลังของ บริษัท กิตติชัย จำกัด จ.สุรินทร์ จำนวน 11,656 ตัน

กำหนดให้ผู้สนใจเข้าประมูล ยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ วันที่ 10 มิ.ย.67 และยื่นซองเสนอซื้อในวันที่ 17 มิ.ย.67 โดยจะทำการเปิดซองเสนอซื้อในวันเดียวกัน (17 มิ.ย.)

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึง สถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันด้วยว่า ปัญหาส่วนหนึ่ง ยอมรับว่ามาจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตน้อยลง จาก 17-18% ลงมาเหลือประมาณ 13-15%

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้วางมาตรการในการแก้ปัญหาไว้แล้ว ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ ได้กำหนดราคากลางหน้าโรงงานไว้ ซึ่งขณะนี้ราคารับซื้อผลปาล์ม ขยับขึ้นไปเฉลี่ยที่ 4.70 บาท/กก.

ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้ติดตาม และสั่งการให้รายงานราคาปาล์มหน้าลาน เพื่อตรวจสอบราคาซื้อ-ขายเป็นรายวัน

รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ในการช่วยกันแก้ไขปัญหาราคาและเพิ่มผลผลิตระยะยาว โดยเชื่อว่าผลผลิตจะดีขึ้น และส่งผลให้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันคลี่คลายลงได้

  • “ภูมิธรรม” ตั้ง “ธรรมนัส” แก้ปัญหาราคาปาล์มระยะยาว

สำหรับสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรอื่นยังอยู่ในเกณฑ์ดี ในเรื่องแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ผลผลิตและราคาปาล์มน้ำมัน ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาการราคาปาล์มตกต่ำ จากผลกระทบภัยแล้งทำให้ปริมาณ ผลผลิตน้อยลง แต่เป็นเพียงช่วงสั้นเวลานี้ฝนเริ่มตกแล้ว ทำให้ผลผลิตเริ่มมีมากขึ้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

โดยที่ประชุม กนป. ได้มีการติดตามสถานการณ์ในส่วนของปัญหาภัยแล้ง และมีการกำหนดมาตรการรองรับ ก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดราคารับซื้อเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด ไม่ให้มีการกดราคาของเกษตรกร

ซึ่งเวลานี้ราคาผลปาล์มมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.70 บาทแล้ว โดยผู้ประกอบการจะต้องมีการส่งรายงานสถานการณ์มายังกระทรวงพาณิชย์เป็นประจำทุกวัน

นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณามาตรการในระยะยาว ดูในเรื่องของการเพิ่มผลผลิต และคุณภาพ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของการดูแลพัฒนาคุณภาพการผลิต สอดรับกับในส่วนของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ที่ ต้องดูแลในเรื่องของปริมาณการผลิต

โดยที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เป็นผู้ดูแลในพื้นที่ประสานงานกับทุกกระทรวง ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์

อย่างไรก็ดี เชื่อว่า สถานการณ์จะคลี่คลายไปได้ แต่หากประชาชน ได้รับผลกระทบจากการรับซื้อที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เข้าตรวจสอบได้

ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ หรือ กนป. เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการฯ ถึงการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อหารือกับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ในการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

ในการประชุมวานนี้ (7 มิ.ย.) ได้นำข้อเสนอและข้อเรียกร้องชาวสวนปาล์มที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งเวทีที่อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ก่อนที่ตนจะลงพื้นที่ไป รวมถึงเวทีที่ตนได้ลงพื้นที่ ไปด้วยมาพูดคุย มาเป็นวาระในการพิจารณาของการประชุมคณะกรรมการ

ส่วนกรณี ที่เกิดปัญหาการกดราคาปาล์มของโรงสกัด หรือ ลานเทไม่รับซื้อปาล์ม จากเกษตรกรชาวสวนปาล์มนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า จะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา ขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว

ส่วนคณะทำงานชุดเดิมที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น ตนจะเป็นผู้ดูแลในเรื่องดังกล่าวเอง และหลังจากนี้ ตนเองขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะลานเท และการรับซื้อจากลานเทต่าง ๆ ที่จะต้องมีการตรวจสอบ

นอกจากนี้ กล่าวถึงความพึงพอใจของเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ที่ราคาปาล์มในปัจจุบันที่ใกล้แตะ 5 บาทต่อกิโลกรัมแล้วว่า ราคาจริง จาก 3 บาทกว่า แต่ตอนนี้แตะ 5 บาทแล้ว ถือว่าทำงานได้ถูกทิศทางแล้ว แต่ก็ยังต้องเดินหน้าต่อ โดยมั่นใจว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้

ส่วน การสกัดกั้นปาล์มเถื่อนจากต่างชาติ โดยชุดปฏิบัติการณ์พิเศษพญานาคราชว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็สามารถจับกุมได้ และเพิ่มมาตรการให้มีความเข้มงวด โดยได้ขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง

โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้มีการประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ให้มีการเพิ่มมาตรการควบคุมตรวจสอบ และหากพบผู้กระทำความผิด ก็จะต้องจับกุมทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ภูมิธรรม” แจ้งข่าวดี! เซเนกัลติดต่อขอซื้อข้าวไทย

: “ธรรมนัส” เตรียมชง กนป.แก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ