พาณิชย์ ย้ำ! ไม่ต้องกังวลสินค้าขึ้นราคาช่วง “เงินดิจิทัล” มีสุ่มตรวจต่อเนื่อง

เงินดิจิทัล
เงินดิจิทัล


กระทรวงพาณิชย์ ย้ำ! ไม่ต้องกังวลราคาสินค้าช่วงแจก “เงินดิจิทัล” มีการออกสุ่มสินค้าต่อเนื่อง การขึ้นราคาเกินควรมีโทษตามกฎหมาย

  • มีการออกสุ่มสินค้าต่อเนื่อง
  • การขึ้นราคาเกินควรมีโทษตามกฎหมาย

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีความกังวลว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะสูงขึ้นก่อน หรือช่วงดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า กรมฯ มีการเตรียมความพร้อม และออกสุ่มตรวจภาวะราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว ก็จะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และความถี่ในการออกตรวจสอบ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำและกำชับเรื่องการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน เพราะหากมีการปรับเปลี่ยน ผู้บริโภคจะรู้ได้ทันที การปรับขึ้นราคาเกินควรมีโทษตามกฎหมาย และในภาวะอย่างนี้ เชื่อว่าทุกร้านค้าอยากขายของ การจะปรับขึ้นราคาแบบไม่มีเหตุผล คงเป็นเรื่องเสี่ยงของการค้าเอง

  • หารือ DGA ทำระบบลงทะเบียนร้านค้า

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุถึงการจัดแถลงความคืบหน้าขั้นตอนการขึ้นทะเบียนร้านค้าที่จะเข้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หรือ เงินดิจิทัล ยังไม่ได้รับการยืนยันที่จะมีการแถลงในสัปดาห์นี้ แต่ทั้งกรมการค้าภายในและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบรายชื่อร้านค้าในเครือข่าย

และเตรียมหารือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบพัฒนาระบบชำระเงิน

โดย DGA ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังหน่วยงานที่มีรายชื่อและเครือข่ายร้านค้าที่ได้ตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการฯเห็นชอบแล้ว เพื่อนำไปจัดทำระบบข้อมูลหลังบ้าน เพื่อเมื่อถึงเวลากำหนดให้ร้านค้าได้ลงทะเบียน ก็เพียงการยืนยันตัวตน

โดยหวังเป็นวิธีการลดปัญหาระบบล่มเมื่อเปิดยืนยันตน ที่คาดว่าจะมีการลงทะเบียนยืนยันตนของร้านค้าในวันแรกๆ เป็นจำนวนมาก

และได้สั่งให้พาณิชย์จังหวัด ลงพื้นที่สำรวจจำนวนร้านค้า และความพร้อมของร้านค้าในด้านเครื่องมือที่จะใช้เชื่อมระบบไอที แม้ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการจ่ายคนละครึ่ง หรือ เป๋าตังแล้วก็ตาม รวมถึง สำรวจว่ามีร้านค้าที่ตั้งใจจะเข้าระบบจำนวนเท่าไหร่ และระยะทางของร้านค้าในแต่ละชุมชนแบบกระจุกตัว หรือแบบกระจาย

ธปท.ย้ำดูระบบเติมเงินให้เสถียร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งจดหมายถึงประธานคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลต แจ้งถึงสาเหตุไม่สามารถเข้าร่วมประชุมในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 พร้อมระบุถึงประเด็นข้อกังวลของระบบเติมเงินผ่าน Digital Wallet ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ DGA

เนื่องจากระบบเติมเงินจะต้องรองรับการใช้งานของประชาชน และร้านค้าจำนวนมาก และลักษณะเป็นระบบเปิด (Open Loop) ที่ต้องเชื่อมโยงกับธนาคารและ Nonbank เป็นวงกว้าง

ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าระบบเติมเงินจะสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมาย คณะกรรมการนโยบายควรติดตามการพัฒนาระบบเติมเงิน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงว่าการดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน

ทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัย, ความถูกต้องน่าเชื่อถือ และความมีเสถียรภาพพร้อมใช้งานได้ต่อเนื่อง รวมทั้งมีการบริหารจัดการต้าน IT Governance ตามมาตรฐานสากล

  • คาดเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังอึดอัด

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังปี 2567 มองว่าไม่ได้แตกต่างจากครึ่งแรกปี 2567 น่าจะยังเป็นความอึดอัดอยู่ ปัจจัยบวกตอนนี้ที่มองเห็นในระยะสั้น คือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาทต่อคน

แต่ความคืบหน้าล่าสุด ยังมีการเลื่อนดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลคาดจะจัดทำในช่วงเดือนธันวาคมนี้

หากสามารถจัดทำได้จริง โครงการนี้จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ดี โดยสิ่งที่รัฐบาลควรเน้นมองสำคัญที่สุดเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อีกครั้ง เป็นเรื่องแผนระยะยาว ในการดึงให้เกิดฮับใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) พลังงาน หรือการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

  • ขอ 15 วันสอบทาน

นายเศรษฐพุฒิ ระบุว่า ต้องแจ้งให้ ธปท.ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนเริ่มให้บริการ เนื่องจากการเชื่อมต่อ Payment Platform กับโมบาย แอปพลิเคชั่น เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบ IT อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะกระทบลูกค้าและการให้บริการเป็นวงกว้าง

โดย ธปท.จะต้องสอบทานผลการประเมินและผลทดสอบความเสี่ยงด้านต่าง ๆ และอาจขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงกับระบบอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกรณีที่ Open Loop อาจกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการชำระเงินโดยรวม

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรชี้แจงกลไกการลดความเสี่ยงต่อการรั่วไหล หรือทุจริตในขั้นตอนต่าง ๆ ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น รวมถึงมีมาตรการในการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด

เพื่อให้มีกระบวนการที่รัดกุมเพียงพอที่จะป้องกันปัญหาต่าง ๆ เช่น การซื้อขายสินค้าที่ผิดเงื่อนไขของโครงการ และการขายลดสิทธิ (Discount) ระหว่างประชาชนและร้านค้า

  • ผู้สุงอายุ-เกษียณอายุได้เงินดิจิทัลแน่นอน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีมีข้อกังวลว่า กลุ่ม ผู้สูงอายุ ผู้เกษียณอายุราชการ หรือมีอายุเกิน 60 ปี จะมีโอกาสเข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ได้หรือไม่ว่า ขอยืนยันว่ากลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เกษียณอายุราชการ หรือมีอายุเกิน 60 ปี จะมีโอกาสเข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทแน่นอน

หากมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข คือ หากมีสัญชาติไทย มีรายได้ไม่เกินปีละ 840,000 บาท หรือมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท นับถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 ส่วนเงินบำเหน็จ บำนาญ ก็จะนับเป็นรายได้ประเภทหนึ่ง หากมีเดือนละ 20,000 บาท ก็สามารถเข้าได้ แต่ถ้ามีรายได้ อื่นรวมอยู่ด้วยจนเกินเงื่อนไขที่โครงการกำหนด ก็จะเข้าร่วมไม่ได้

  • ชี้การแจกหมื่นแรงส่งเกิดปี 2568

ทั้งนี้ การเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตไปเดือนธันวาคมปีนี้ อาจต้องคาดหวังผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจเป็นแรงส่งไปในปี 2568 เลย ซึ่งต้องเอาให้แน่ใจก่อนด้วยว่าจะทำจริงหรือไม่ โดยในภาคการลงทุนโดยเฉพาะหุ้นไทย อาจทำให้นักลงทุนเปลี่ยนมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยได้ ว่า

ปีหน้าอาจมีอะไรที่เป็นความหวังได้มากขึ้น อาจมีอะไรที่ดีในบางอย่าง แต่ต้องบอกว่าการกระตุ้นในรูปแบบนี้จะได้ผลระยะสั้น อย่างมากก็ไม่เกิน 1 ปี ที่จะหมุนในเศรษฐกิจ

และ สุดท้ายจะไปอยู่ในมือกลุ่มคนบางกลุ่ม ทำให้รัฐบาลต้องมองว่า จะมีมาตรการอะไรออกมา ช่วยกระตุ้นเป็นรายภาคอุตสาหกรรมหรือไม่ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มมีซัพพลายล้นแล้ว พลังงาน การเงิน และค้าปลีก ที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว โดยไทยกำลังอาศัยอุตสาหกรรมเก่าๆ ที่เริ่มโตช้าลงแล้ว

สิ่งที่สำคัญ คือ ธุรกิจใหม่ และยุทธศาสตร์ใหม่ที่รัฐบาลต้องมีมากกว่า

  • จี้รัฐดึงอุตสาหกรรมใหม่

นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลน่าจะมีการพูดคุยกับต่างประเทศ เจรจาดึงเข้ามาลงทุนในไทย แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะมาหรือไม่ เพราะหากมองในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยก็ไม่ได้เหนือไปกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแล้ว อาทิ ศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อาจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างเราแทน

เนื่องจากขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยมีน้อยมากแล้ว ทั้งค่าแรงที่สูงมากกว่า ทักษะการผลิตที่เดิมเคยสูงกว่า ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว เพราะพอมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วย ทักษะหลายอย่างก็ปรับขึ้นมาใกล้เคียงกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : การลงทะเบียนเงินดิจิทัลของกลุ่มคนไม่มีสมาร์ทโฟนให้รอการแถลงอีกรอบ

: เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์