ธอส. ขยายเวลากู้-ลดเงินงวด ให้ลูกค้าผ่อนบ้านนาน 85 ปี

ธอส.


ธอส. ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ขยายระยะเวลาให้ลูกค้าปัจจุบัน ผ่อนชำระเงินงวดได้ ไม่เกิน 80 ปี หรือ 85 ปีช่วยทำให้เงินงวดผ่อนชำระรายเดือนของลูกค้าลดลง ยื่นคำร้องได้ทุกสาขา ถึง 30 ธ.ค.67

  • ทำให้เงินงวดผ่อนชำระรายเดือนของลูกค้าลดลง
  • คำร้องได้ทุกสาขา ถึง 30 ธ.ค.67

วันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ได้จัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ และเพิ่มความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร โดยการขยายระยะเวลาการให้กู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี จากเดิมอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลากู้ต้องไม่เกิน 70 ปี หรือ 75 ปี ขยายเป็นไม่เกิน 80 ปี หรือ 85 ปี แล้วแต่กรณี

ซึ่งการขยายระยะเวลาการให้กู้ดังกล่าว จะทำให้เงินงวดในการผ่อนชำระรายเดือนของลูกค้าลดลง เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผ่อนชำระเงินงวด และช่วยลูกค้าให้ยังคงสามารถรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป

“การขยายระยะเวลากู้ออกไปสูงสุดถึง 80 ปี หรือ 85 ปีนั้น ทำให้เงินงวดปรับลดลงเฉลี่ย 500-1,000 บาทต่อเดือน เงินส่วนนี้จะถูกนำกลับไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นับเป็นการเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้” นายกมลภพ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจขยายระยะเวลาการกู้ สามารถยื่นคำร้องและทำนิติกรรมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธ.ค.2567

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ธนาคาร ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยให้ความช่วยเหลือลูกค้านานสูงสุด 2 ปี โดยปรับลดดอกบี้ยและเงินส่งค่างวดลง เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผล กระทบด้านเศรษฐกิจ

นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ให้ได้มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ยังช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตัวเองได้ต่อไป ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ ในภาพรวมจะส่งผลดีต่อภาค อสังหาริมทรัพย์ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย

สำหรับลูกค้า ที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการข้างต้น สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 30 ธ.ค.2567 ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND โดยลูกค้าจะต้อง Upload หลักฐานยืนยันการได้รับผลกระทบทางรายได้เพื่อให้ธนาคารพิจารณาด้วย

ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ที่สาขาทั่วประเทศ.

  • คลังหนุนฐานรากมีบ้านของตัวเอง

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พิจารณาความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพิ่มเติม หลังจากโครงการสินเชื่อแฮปปี้ โฮม เฟสแรกปล่อยกู้จนครบวงเงินไปแล้ว

เพื่อใช้กลไกในการช่วยดูแลลูกค้ากลุ่มฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง

“โครงการสินเชื่อบ้าน แฮปปี้ โฮม เป็นโครงการที่ดี สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ที่อยากมีบ้านเป็นของตนเอง ได้เข้าถึงสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงผ่อนชำระเงินงวดคงที่นานถึง 5 ปี ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนการผ่อนชำระเงินงวดได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงควรจัดทำโครงการสินเชื่อ เฟส 2 รองรับความต้องการของลูกค้าที่ยังคงมีสูง”

นายพิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน แฮปปี้ โฮม กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ผลปรากฏว่า มีลูกค้าให้ความสนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก

เนื่องจากเป็นสินเชื่อเพื่อใช้ซื้อบ้าน ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ปลูกสร้าง และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เพียง 3.00% ต่อปี เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขผ่อนปรนให้ผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ได้รับการพิจารณาเกณฑ์รายได้ ไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน ซึ่งทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 26 ก.ค.67 มีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อโครงการดังกล่าวเกินกว่ากรอบวงเงินและธนาคารอนุมัติสินเชื่อเต็มกรอบวงเงินที่กำหนดแล้ว

  • หาช่องทางระดมทุนดอกเบี้ยต่ำปล่อยกู้ผู้ประกอบการ

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า นายพิชัย ยังมอบนโยบายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เร่งทำแผนการเพิ่มบทบาทการเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับทำแผนระยะยาว ในการหาช่องทางระดมทุนดอกเบี้ยต่ำ มาปล่อยกู้ช่วยผู้ประกอบการ

โดยปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบ 5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 30% ของจีดีพี หาก ธอส.เพิ่มบทบาทเข้ามา ก็ตั้งใจทำให้การมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มเป็น 50% ของจีดีพี

ส่วนแผนระยะสั้น ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นกลไกสนับสนุนให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 67 ให้เร่งปล่อยสินเชื่อในครึ่งหลังปี 67 อีก 1.6-1.7 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนต้องช่วยเหลือลดภาระลูกหนี้ โดยเฉพาะคนที่ผ่อนไม่ไหว ให้สามารถรักษาบ้านของตัวเองได้ต่อไป

เช่น ขยายเวลาผ่อนชำระ จากเดิมสูงสุดอายุ 60-70 ปี เป็น 80-85 ปี เพื่อให้มีเงินงวดน้อยลง และมีเงินเหลือไปใช้จ่ายได้มากขึ้น อีกทั้งให้ขยายวงเงินการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็น 5-10 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมที่ ธอส.เน้นปล่อยสินเชื่อวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธอส. เตรียมกระตุ้น ภาคอสังหาฯ เพิ่มปล่อยกู้บ้าน 5-10 ล้าน ครั้งแรก!

: เว็บไซต์ธอส.