ฟุตบอลยูโร2024 ดูเอาแค่สนุก รัฐบาล เตือนอย่าหลงเชื่อเว็บพนัน

ฟุตบอลยูโร2024
ยูโร 2024

รัฐบาลย้ำเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เว็บพนันบอลออนไลน์ อ้างผลตอบแทนสูง หลอกให้เล่นพนันบอล ฟุตบอลยูโร2024 ฝากผู้ปกครองดูแลลูกหลาน แนะดูเพื่อความสนุก เชียร์ทีมที่ชอบ อย่าหวังรวยจากการพนัน

เตือน อย่าเล่นพนันออนไลน์ ฟุตบอลยูโร2024

วันที่ 16 มิ.ย.2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือ ฟุตบอลยูโร2024 รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ

ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีพี่น้องประชาชนจำนวนมากต้องสูญเสียทรัพย์สินให้กับการพนัน ในช่วงเทศกาลฟุตบอล ยูโร 2024 รัฐบาลฝากผู้ปกครองช่วยสอดส่องพฤติกรรมของลูกหลานอย่าให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันบอล ขอให้ดูเพื่อความสนุก ติดตามเชียร์ทีมที่ชอบ อย่าหวังรวยจากการพนัน นอกจากจะเสียเงินแล้วอาจจะเสียอนาคตตามมา

“รัฐบาลย้ำเตือนพี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มเว็บไซต์พนันบอล ใช้อุบายโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อ้างผลตอบแทนสูงจูงใจให้ประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ ทำให้สูญเสียเงินและทรัพย์สิน หากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์

สามารถแจ้งไปยังสายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้เล่น ผู้ชักชวน และผู้จัดให้มีการพนันฟุตบอลจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายคารม ย้ำ

ด้าน นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 7 – 13 มิถุนายน 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,205,193 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 308 ข้อความ

สำหรับช่องทาง ที่มีการพบเบาะแส มากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 269 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 37 ข้อความ ข้อความที่มาจาก Website จำนวน 1 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ ทั้งหมด 227 เรื่อง และจากการประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบ กลับมาแล้ว 213 เรื่อง

ดีอีเอส แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม

  • 1.นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 107 เรื่อง
  • 2.ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 62 เรื่อง
  • 3.ภัยพิบัติ จำนวน 5 เรื่อง
  • 4.เศรษฐกิจ จำนวน 25 เรื่อง
  • 5.กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 15 เรื่อง

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์ล่าสุดนี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นข่าวด้านกลุ่มนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง และกลุ่มเศรษฐกิจ ตามลำดับ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชน มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

  • 1. ใบขับขี่ออนไลน์ ไม่ต้องไปขนส่ง ผ่านเพจ รับทำใบขับขี่รถทุกรุ่น A
  • 2. ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดราคาชดใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ไม่สามารถส่งคืน ขัดรัฐธรรมนูญ
  • 3. ลงทะเบียนต่อใบขับขี่ออนไลน์ ผ่านเพจ ศูนย์ทำใบขับขี่ จัดส่งทั่วประเทศ
  • 4 . ครีมรักษาเส้นเลือดขอด ทาวันละครั้งบอกลากับเส้นเลือดขอด
  • 5. รับตัวแทนแพ็กกิ๊บติดผม สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • 6. การบินไทยรับสมัครงานกดยืนยันไฟล์ทบินออนไลน์ รายได้ 15,000-25,000 บาท
  • 7. ดื่มน้ำมะนาวร้อนทุกวัน ทำให้เนื้องอก และซีสต์ ยุบลงใน 3 เดือน
  • 8. กัญชาช่วยบรรเทาอาการลมชักในระยะยาวได้
  • 9. รับทำใบขับขี่ออนไลน์ ผ่านเพจ Transport888
  • 10. เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง ติดต่อให้ยื่นขอเอกสารใหม่ ผ่านเว็บไซต์ dps.szgt.cc

จาก 10 อันดับ พบข่าวเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ หน่วยงานรัฐ และด้านสังคม อาชีพ ความเป็นอยู่มากถึง 6 อันดับ โดยส่วนใหญ่รูปแบบการหลอกลวง และการแอบอ้างติดต่อประสานงานหน่วยงานของทางภาครัฐ ทำให้ประชาชนส่วนมากหลงเชื่อ และสร้างความเข้าใจผิด

จึงคาดว่าอาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้เข้าถึงความสนใจของผู้รับข่าวสาร โดยกรณีนี้ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกิดความหลงเชื่อ เข้าใจผิด เป็นช่องทางการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ ในการหลอกลวงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่หลงเชื่อ

ซึ่งอาจก่อให้ความเสียหายที่เป็นผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคม

นอกจากนี้ ในเรื่องการแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัตรประชาชน เข้าข่ายผิดกฎหมายนั้น ได้กำชับให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เร่งดำเนินการ ในกรณีข้อมูลรายชื่อและเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านการคัดเลือก สว. ระดับอำเภอ จำนวนกว่า 20,000 ราย เกิดการรั่วไหลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนว่า อย่าเผยแพร่ หรือ แชร์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลบัตรประชาชน หรือข้อมูลสุขภาพ เพราะอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีโทษทั้งจำทั้งปรับ และมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี ขึ้นกับพฤติกรรมและลักษณะข้อมูล และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอื่นด้วย

ด้าน นายศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการ สคส. ได้กล่าวว่า ในกรณีนี้ สคส. ได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อทำการตรวจสอบ หาข้อเท็จจริง ในเบื้องต้น สคส. ได้ขอให้สำนักงาน กกต. ประสานเว็บไซต์ต่างๆ ระงับการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวแล้ว

พร้อมให้ปรับปรุงมาตรการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับสมัครการเลือกตั้ง รวมถึงผู้มาใช้สิทธิการเลือกตั้งเกิดการรั่วไหลหรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : โพลชี้คนไทยยก “อังกฤษ” เต็งหนึ่งแชมป์ฟุตบอลยูโร 2024

: เปิด 10 อันดับข่าวปลอมที่ปชช.สนใจมากที่สุด เตือนระวังตกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์