นายกฯ ขออภัยไม่ได้เดินทางไปจ.แพร่ เหตุเพราะสภาพอากาศ เกาะติด น้ำท่วม จ. น่าน ที่เดียว
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร โพสต์ X ทวิตเตอร์ ขออภัยไม่ได้ไปให้กำลังใจน้ำท่วมแพร่จากสภาพอากาศในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่น่านจังหวัดเดียว
กรณีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดแพร่และจังหวัดน่านเพื่อให้กำลังใจประชาชน ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ในวันที่ 24สิงหาคม 2567
ล่าสุด น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความผ่าน X ทวิตเตอร์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ต้องขออภัยพี่น้องประชาชน จ.แพร่ เป็นอย่างสูงค่ะ จากเดิมที่ดิฉันตั้งใจจะลงพื้นที่ 2 จังหวัดคือน่านแพร่ในวันนี้ แต่เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางไป จ.แพร่ได้ ในวันนี้จึงเป็นการเดินทางไป จ.น่านได้เพียงจังหวัดเดียว โดยจะไปที่ อ.เมือง และ อ.ภูเพียง ต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ
ดิฉันขอส่งกำลังใจให้พี่น้อง จ.แพร่ ผ่านทาง สส.ทั้ง 3 ท่านของเรา คือ สส.ทศพร เสรีรักษ์ , สส.นิยม วิวรรธนดิฐกุล และ สส.วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่ตอนนี้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และประสานความช่วยเหลืออยู่อย่างต่อเนื่อง
ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่ดิฉันและทีมงานให้ความสำคัญ และ มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้ได้ค่ะ
ดิฉันขอส่งความห่วงใย และ กำลังใจให้พี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังในทุกจังหวัด ซึ่งรวมถึงใน จ.ภูเก็ต ที่มีเหตุการณ์ดินถล่มด้วย (ทราบจากพื้นที่ว่าตอนนี้คลี่คลายแล้ว เหลือการจัดการพื้นที่) ดิฉันและทีมงานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดค่ะ
- คปภ. เร่งช่วยเหลือด้านประกันภัย
จากกรณีพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้ประสบอุทกภัย น้ำท่วม ฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือน รถยนต์ และพืชผลทางการเกษตร ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
และมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยได้รับรายงานจากสำนักงานคปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) ในการลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัย
พร้อมทั้งติดตามและรายงานความเสียหายเพื่อเตรียมพร้อมในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย และบูรณาการร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ และ อำนวยความสะดวกด้านประกันภัย ให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่
สำนักงาน คปภ. ขอให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัย ที่ได้ซื้อไว้ว่าให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่ อย่างไร โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม อาทิ การประกันภัยรถยนต์ประเภท1 การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน การประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติม และการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร
เช่น การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การประกันภัยทุเรียน เป็นต้น การทำประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับอาคารนั้นมีทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับตามกฎหมาย โดยในส่วนของอาคารอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งบังคับให้เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ดำเนินการ
สำหรับอาคารชนิดหรือประเภทตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ ต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และจำนวนเงินเอาประกันภัยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดในกฎกระทรวงโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร
ส่วนอาคารของเอกชนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว ประกอบไปด้วยอาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วย สถานบริการ
รวมถึงป้าย หรือ สิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่สูงจากพื้นดินตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป หรือ ป้ายที่ติดหรือตั้งบนหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคาร หรือ ส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
หากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองหรือความเกี่ยวเนื่องกับไฟไหม้ เช่น ประกันอัคคีภัย จะให้ความคุ้มครองตัวอาคาร เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน สต๊อกสินค้า เครื่องจักร ฃ
และเครื่องตกแต่งที่ติดตั้งไว้กับตัวอาคาร โดยให้ความคุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า และการระเบิดของแก๊สที่ใช้ทำแสงสว่างหรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย
ส่วนการประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย จะให้ความคุ้มครองสิ่งปลูกสร้างหรือตัวอาคารใช้เป็นที่อยู่อาศัย (ไม่รวมฐานราก) ทรัพย์สินภายในบ้าน สิ่งที่ติดกับตัวอาคารหรือเครื่องมือเครื่องใช้ภายในบ้าน
โดยให้ความคุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยจากยวดยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน ภัยจากน้ำที่เกิดจากการรั่วซึมภายในอาคาร (ไม่รวมน้ำท่วม) รวมถึง ภัยธรรมชาติ 4 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ภัยลมพายุ ภัยลูกเห็บ และภัยแผ่นดินไหว ในขณะที่ ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) จะให้ความคุ้มครองกว้างกว่าอัคคีภัย เช่น การโจรกรรม และอุบัติเหตุจากสาเหตุที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อยกเว้น เป็นต้น
ในส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ คือ ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า
ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป และ ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคันซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องประกันภัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) 0-5311-2730-2
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธอส. ออก 7 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลันภาคเหนือ