“เผ่าภูมิ” รมช.คลัง เผย นายกฯ มอบนโยบาย 4 พ.ย.นี้ คลังเตรียมเสนอมาตรการเพิ่ม บางส่วนไม่ทันปีนี้ แต่มั่นใจเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/67 โตเกิน 4%
- แต่มั่นใจเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/67
- โตเกิน 4%
นาย เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนกระทรวงการคลังเป็นการประชุมมอบนโยบายให้กับส่วนราชการ อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายรัฐมนตรีหรือฝ่ายการเมือง เป็นเรื่องของนายกฯกับปลัดกระทรวง
แต่กระทรวงการคลัง ก็มีมาตรการที่จะกล่าวรายงานกับนายกฯ และนายกฯก็มีการมอบนโยบายให้กับกรมต่างๆ ซึ่งกรมที่เกี่ยวข้องกับ มาตรการภาษีจะมีการรายงานให้นายกฯรับทราบโดยมีรายงานว่า คลัง เตรียมเสนอเรื่องมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2567 และมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 ที่จะออกมาในช่วงเดือน ธ.ค.เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชน
นายเผ่าภูมิ ย้ำว่า มาตรการต่างๆ ที่ออกมาแล้วรวมถึงที่กำลังจะออกมานั้น กำลังมีการวัดข้อดีข้อเสียกันอยู่ว่าปลายปีจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน แต่ยอมรับว่ายังมีข้อกังวลเพราะออกมาในช่วงที่ไม่ทันกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะดีกว่าไหมหากจะนำไปใช้ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า เพื่อหาจุดลงตัว
ส่วนเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงของการผงกหัวขึ้น โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 2.7-2.9% ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมองปี 68 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้มากกว่า 3%
“มองจีดีพีเราควรใกล้เคียง 3% แต่เจอสองปัจจัยหลักคือ น้ำท่วมที่เป็นผลกระทบทางตรงสร้างความเสียหายให้กับภาคเอกชน และที่อยู่อาศัย ส่วนอีกปัจจัยคือ การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลในช่วงไตรมาสสาม แม้จะเป็นพรรคเดียวกันความต่อเนื่องนโยบายไม่มีปัญหา
แต่ในมิติของการทำงานช่วงรักษาการทำให้ไม่สามารถลงนามได้ ช่วงเวลานี้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสสามออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย”นายเผ่าภูมิ กล่าว
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/67 รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นผ่านโครงการ 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบางส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/67 ขยายตัวได้สูงกว่า 4% หรืออยู่ในช่วง 4-4.5% และ ส่งผลให้ทั้งปีจีดีพีเติบโต 2.7- 2.9% ได้
ส่วนมาตรการที่จะออกช่วงปลายปี อยู่ระหว่างการพิจารณาและชั่งน้ำหนัก ความเหมาะสม เพราะขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวดี หรือ พีคแล้ว และมีการจับจ่ายใช้สอยสูง ดังนั้นจะดีหรือไม่หากออกมาตรการในช่วงไตรมาส 1/68 หรือ ในช่วงการจับจ่ายใช้สอยชะลอตัว
“ข้อเสนอมาตรการ คูณสองก็รับพิจารณา แต่มาตรการพวกนี้เหมาะกับช่วงโลว์ซีซั่น อาจจะไม่ได้เห็นในช่วงไตรมาส 4/67”นายเผ่าภูมิ กล่าว
สำหรับในปี 68 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้สูงกว่า 3% ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ยอมรับว่า ปัจจุบันเงินเฟ้อของไทยมีปัญหา เพราะต่ำกว่าเป้าหมายมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังการหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ข้อสรุปของเงินเฟ้อในระยะต่อไป คือ
1.กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% โดยมีค่ากลางที่ระดับ 2%
2.มีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อพยายามผลักดันให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย หรือให้เข้าใกล้ 2% ซึ่งเป็นค่ากลางให้ได้
3.มีมาตรการร่วมกัน ระหว่างกระทรวงการคลัง และธปท. เพื่อให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
”เสถียรภาพเงินเฟ้อตอนนี้เป็นปัญหา กรอบเงินเฟ้อของไทยที่ 1-3% โดยเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำล่าสุดที่ 0.4% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายดังนั้นกระทรวงการคลังได้ประสานกับ ธปท. เพื่อทำงานอย่างใกล้ชิด“นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ส่วนเศรษฐกิจโลก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ชาติมหาอำนาจใช้มาตรการทางการเงินรุนแรง เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อ โดยโจทย์ของประเทศไทย นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง จะต้องประสานกับโลกให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะอันตราย
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทิศทางนโยบายการเงินของโลกผ่อนคลาย แต่ของไทยไม่สอดคล้องจะเกิดอันตราย ดังนั้น ไทยจะต้องปรับตัว ปรับนโยบาย ให้สอดคล้องกับโลกให้ได้ ไม่เช่นนั้น จะเกิดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลต่อการส่งออก ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ และกดดันภาพของเศรษฐกิจ
ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงการคลังและธปท. ต้องทำร่วมกัน คือ ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับโลก”นายเผ่าภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นตลาดกระบะ รถจักรยานยนต์ จะดำเนินการให้เหมาะสมอย่างไร ขณะที่ หนี้ครัวเรือนเป็นสิ่งที่น่ากังล เพราะยังอยู่ในระดับสูง โดยรัฐบาลเตรียมที่จะออกมาตรการเร็วๆ นี้
“ความจำเป็นในการกระตุ้นก็มี แต่ก็หากดูหนี้เสียของรถกระบะ และมอเตอร์ไซต์ก็เยอะ การกระตุ้นก่อให้เกิดหนี้เสียได้ แต่การไม่กระตุ้นก็อาจทำให้อุตสาหกรรมนี้ไม่ฟื้นตัว ขณะที่มาตรการหนี้ครัวเรือนที่จะออกมานั้น
แม้จะไม่ได้ทำให้หนี้ลด แต่จะไปช่วยลดภาระดอกเบี้ย แต่ขอให้รอประกาศอย่างเป็นทางการ” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลัง ประมาณการเศรษฐกิจปี 67 โต 2.7% มองปี 68 ขยับขึ้น 3%