“อนุทิน” ปลื้ม! จับยาไอซ์ 1 ตัน เตือนสติอยากรวยทางลัดระวังโทษหนัก

อนุทิน” ปลื้ม! จับยาไอซ์ 1 ตัน
อนุทิน” ปลื้ม! จับยาไอซ์ 1 ตัน


“อนุทิน” ปลื้ม! จับยาไอซ์ 1 ตัน ขอบคุณทุกฝ่าย พร้อมเตือนสติพวกอยากรวยทางลัด โดนจับโทษหนัก ไม่คุ้มเสี่ยง เผย สั่ง มท.ไล่ตัดไฟ ตัดน้ำ แก๊งยา

  • โดนจับโทษหนัก ไม่คุ้มเสี่ยง
  • เผย สั่ง มท.ไล่ตัดไฟ ตัดน้ำ แก๊งยา

วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมยาไอซ์ 1 ตัน

พร้อมผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณริมถนนซอยโยธาธิการ ข้าง รร.จปร. หมู่ที่ 1 ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง และฝ่ายตำรวจ

สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากทุกฝ่ายช่วยกันตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศเป็นศัตรูกับยาเสพติด เราจะทำทุกทางในการป้องกัน และปราบปราม ขบวนการค้ายาเสพติด ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายมั่นคง บูรณาการงานร่วมกัน สอดส่อง ทุกความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยกับประเทศชาติเราสามารถจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้มากมาย

นี่คือผลงานแต่ก็เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง แสดงถึงการไหลทะลักเข้ามาของยาเสพติดประเภทต่างๆ และเรา ก็ต้องเอาจริง เอาจังกันต่อไป การทำงาน ที่ ร่วมมือกันคือสิ่งที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องพึ่งพาทุกคนทุกอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหาใหญ่นี้

“ บางครั้งในการจับกุมเราก็เจอทั้งพ่อค้ายาเสพติด และผู้ที่ไม่เสพ ไม่ค้า แต่รับจ้างขนส่งเป็นเที่ยวๆ ได้มากสุดก็ไม่เกิน 1 แสนบาท แต่สิ่งที่ตามมา คือโทษหนัก รับรองว่าได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน พวกอยากรวยทางลัดต้องคิดกันให้มากๆ ขอเตือนทุกคนที่จะเข้าร่วมในขบวนการยาเสพติด ว่าท่านไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือของกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐร่วมมือกันขนาดนี้ คนทำผิดก็ยิ่งรอดยาก อย่าเสี่ยงจะดีที่สุด”

ปัจจุบันนี้ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ตรวจสอบกระบวนการค้ายาเสพติดและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อที่จะเร่งดำเนินการตัดวงจร ไปจนถึงสร้างอุปสรรค ในการดำเนินกิจกรรม ผิดกฎหมาย เช่นการตัดน้ำ ตัดไฟเป็นต้น

การแถลงข่าวครั้งนี้ สืบเนื่องจากล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพล หน่วยข่าวกรองทางทหาร ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ร่วมกันปฏิบัติการสืบสวนหาข่าว ติดตาม พิสูจน์ทราบ ชี้เป้าหมาย และนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง จำนวน 1 คน คือ 1) นายสมภพ สงวนนามสกุล

พร้อมของกลาง จำนวน 3 รายการ ประกอบด้วย

1) ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 40 กระสอบ ประมาณ 1000 กก. (1ตัน) 2) รถยนต์ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีขาว (ตู้ทึบ) 3) โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่อง

ตรวจยึดและจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนซอยโยธาธิการ ข้าง รร.จปร. หมู่ที่ 1 ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก

จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการพิจารณานำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า เรื่องดังกล่าว ต้องผ่านการศึกษา และประเมินซึ่งยังมีขั้นตอนอีกเยอะ

โดยจะต้องผ่านคณะกรรมการ 2-3 ชุดก่อนจะมีการดำเนินการใดๆ ที่จะผิดแปลกไปจากปัจจุบันนี้ ส่วนจะกระทบกับผู้ที่ปลูกกัญชาในปัจจุบันหรือไม่นั้น ทุกอย่างมีผลดีผลเสียหมดฉะนั้นจะต้องมาพิจารณาดู ซึ่งข้อมูลจากเมื่อปี 2565 จากการปลดล็อคกัญชา มีอะไรที่แตกต่างจากข้อมูลในปี 2567 นี้หรือไม่ หากมีความแตกต่างก็สามารถนำมาพิจารณาใหม่ได้

“ผมในฐานะที่เป็นคณะกรรมการชุดเก่าก็มีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง และคณะกรรมการชุดใหม่ ก็อาจมีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง จึงจะต้องมาหารือกัน แต่ถึงอย่างไรสุดท้าย ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวไว้ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ และหากเป็นไปตามการตัดสินใดๆ เราก็ยอมรับในการตัดสินใจนั้น

ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่มีผลต่อการร่วมงานในรัฐบาล อย่านำประเด็นกัญชามาเป็นเรื่องทางการเมือง เพราะเรื่องกัญชาเป็นประเด็นที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา”

ส่วนเมื่อถามว่าประเด็นดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ รวมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แล้วหรือไม่ ได้พูดคุยแล้ว ซึ่งก็ได้พูดเหมือนกับที่ชี้แจงกับสื่อไป

ขณะที่ เมื่อถามว่าได้พูดคุยและอธิบายกับนายกฯว่าอย่างไรบ้างนั้น ได้พูดคุยตามที่นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ไป หลังจากนี้จะต้องไปเริ่มที่คณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ที่ต้องไปพิจารณา และจะต้องไปศึกษา ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนได้เลย เพราะมันมีที่มาที่ไป ก่อนจะผ่านคณะกรรมการชุดก่อนๆ ซึ่งการปลดล็อคกัญชาเมื่อปี 2565 ก็ถือว่าเป็นเอกฉันท์ การจะมาเปลี่ยนนโยบายก็จะต้องมีการพูดคุยกัน และคณะกรรมการชุดปัจจุบัน ก็ยังมีบุคคลที่เคยนั่งดำรงตำแหน่งในการพิจารณาปลดล็อคกัญชาอยู่ รวมถึงตนด้วย

รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า ส่วนคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ปัจจุบันตนไม่แน่ใจว่าเป็นนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม หรือนายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ต้องดูว่าใครเป็นประธานคณะกรรมการฯ และหากมีการโหวตตนเองก็จะโหวตตามข้อมูลที่มี ซึ่งหากผลโหวตออกมาอย่างไร ตนเองก็พร้อมที่จะยอมรับ จะได้เลิกคิดว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง

ดังนั้นหากมีข้อมูลที่เป็นข้อมูลปัจจุบัน ขอให้นำข้อมูลใหม่เข้ามา อย่าเป็นเหตุทางการเมือง เพราะหากใครเข้ามาเป็นรมว.สาธารณสุข อีก ก็อาจจะเปลี่ยนอีก ซึ่งทำไม่ได้ เพราะเราจะใช้อารมณ์ส่วนตัวมาพิจารณาไม่ได้

ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองอื่นที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าควรนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นายอนุทินกล่าวว่า ก็แล้วแต่นโยบายของพรรคการเมืองอื่น

แต่ไม่ใช่นโยบายของพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้นจะต้องมาว่ากันด้วยเหตุผลดีที่สุด ตนเองจะไม่ต่อต้านหรือเป็นคลื่นใต้น้ำ เพราะมาอยู่กระทรวงมหาดไทยแล้ว ส่วนจะชดเชยผู้เสียผลประโยชน์ในการลงทุนไปแล้วอย่างไรนั้น

ขอให้ใจเย็นๆ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ได้ให้ กระทรวงสาธารณสุขไปศึกษาก่อน และจากนี้ไปควรไปถามกระทรวงสาธารณสุข โดยยึดประโยชน์ของประชาชน ทั้งจากผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม: “นิด้าโพล”ชี้ประชาชนไม่เห็นด้วยมียาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ ไม่ต้องติดคุก

: ‘อนุทิน’ ชี้ดึง ‘กัญชา’ กลับยาเสพติด ถ้ามีข้อมูลใหม่