

“สุริยะ” ถกร่วมผู้บริหาร “ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง” หารือการใช้ระบบ AI บริหารจัดการในท่าอากาศยาน เตรียมนำมาประยุกต์ใช้ในไทย หวังช่วยลดพลังงาน – ระยะเวลา พร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางนักท่องเที่ยว ดันไทยก้าวสู่ “ฮับการบิน” สนองนโยบายรัฐบาล
- หวังช่วยลดพลังงาน – ระยะเวลา
- ดันไทยก้าวสู่ “ฮับการบิน”
- สนองนโยบายรัฐบาล
วันที่ 12 พ.ค.2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้เข้าพบและหารือร่วมกับ Ms. LI ying รองประธานบริหารและฝ่ายสารสนเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง (Beijing Capital International Airport) พร้อมด้วยการเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมข้อมูล และการจัดการภายในท่าอากาศยานฯ โดยเฉพาะการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเพิ่มประสิทธิภาพ และบริหารจัดการภายในท่าอากาศยาน
ทั้งนี้ จากการเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งนั้น กระทรวงคมนาคม จึงมีแนวทางในการนำระบบ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในท่าอากาศยานของประเทศไทย เพื่อช่วยบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึงสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่สำคัญยังเป็นการผลักดันนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) อย่างเป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากการรายงานถึงภาพรวมของท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ระบุว่า ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2542 ปัจจุบันมีอาคารผู้โดยสารรวม 3 แห่ง มีช่องจอดอากาศยาน จำนวน 372 ช่อง และมี 3 เส้นทางวิ่ง (Runway) โดยมีจำนวนสารการบินให้บริการรวม 82 สายการบิน ในจุดหมายปลายทางทั้งสิ้นรวม 221 แห่ง แบ่งเป็น เส้นทางภายในประเทศจำนวน 138 แห่ง และเส้นทางระหว่างประเทศจำนวน 83 แห่ง
ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่การเปิดให้บริการตัังแต่ปี 2542 นั้น ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งได้เริ่มกำหนดเป้าหมายที่จะเป็นท่าอากาศยานอัจฉริยะ (Smart Airport) ภายในปี 2556 โดยได้ดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการออกแบบ และจัดเก็บรวบรวมข้อมูล (Big Data) ให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการคำนวณวิเคราะห์และจัดระบบบริหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่าง ๆ ภายในท่าอากาศยาน เช่น การให้บริการช่องจอดอากาศยาน การเช็คอินบัตรโดยสาร การโหลดสัมภาระ สายพานลำเลียงกระเป๋า เป็นต้น
ขณะที่ ในปี 2563 ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งได้ใช้ยุทธศาสตร์ iBCIA 1355 มาดำเนินงานกับท่าอากาศยาน โดยมีเป้าหมายให้ท่าอากาศยานเป็นท่าอากาศยานที่ปลอดภัย (Safe) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green) เป็นระบบอัจฉริยะ (Smart) และเป็นมิตรกับมนุษยชาติ (Humanistic) นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบโหลดเที่ยวบิน (Flight Load Monitoring)
ทั้งนี้ เพื่อเข้ามาบริหารจัดการในเรื่องพนักงานขนกระเป๋า, การทำความสะอาดเครื่องเมื่อเครื่องลงจอด และการบำรุงรักษาเครื่องก่อนที่จะขึ้นบินอีกครั้ง ซึ่งสามารถช่วยลดระยะเวลา จากเดิมใช้เวลา 4 ชั่วโมงให้ลดลงเหลือเพียง 2 นาทีเท่านั้น ซึ่งจากการรายงาน พบว่า ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลผ่านระบบ AI มาเป็นระยะ 9 ปี เพื่อประมวลผลในด้านต่าง ๆ และคาดการณ์ล่วงหน้า เพื่อแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้เกิดความล่าช้าด้วย

นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของศูนย์ควบคุมข้อมูลของท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง สามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อบริหารจัดการ ทั้งในฝั่งเขตการบิน (Airside) และเขตนอกการบิน (Landside) โดยมีการใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์กล้องวงจรปิดภายในท่าอากาศยานถึงกว่า 16,000 ตัว รวมถึงระบบเซ็นเซอร์อีกกว่า 22,000 ตัว ทำให้การควบคุมความเคลื่อนไหวภายในท่าอากาศยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ผู้โดยสารขาออก เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยาน เพื่อไปทำการเช็คอิน โหลดกระเป๋า และไปขึ้นเครื่อง (ผู้โดยสารขาออก) และผู้โดยสารขาเข้า เพื่อให้ทราบว่าขณะนี้มีคนรอใช้บริการระบบรถสาธารณะจำนวนกี่คนและใช้เวลากี่นาที
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำ AI มาใช้ประมวลผลนี้ จะทำให้สามารถบริหารจัดการท่าอากาศยานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงได้อย่างมาก รวมถึงการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เข้าพบ นายหลี่ เสี่ยวเผง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสาธารณรัฐประชาชนจีน หารือถึงภาพรวมด้านการคมนาคม แนวทางความร่วมมือระหว่างกัน โดยการขนส่งทางอากาศนั้น รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
มีนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว วีซ่า ฟรี เกิดความสะดวกต่อประชาชนทั้งของไทยและจีน จึงให้รัฐบาลจีนพิจารณาแนวทางการเพิ่มสล็อตการบินไทย-จีนให้กับสายการบินของทั้ง 2 ประเทศ ราคาเหมาะสม นอกจากนี้ได้เชิญชวนผู้รับเหมาที่มีศักยภาพและคุณภาพจากประเทศจีน เข้าร่วมประมูลงานการขยายท่าอากาศยาน ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต
นายสุริยะกล่าวว่า นอกจากนี้ได้หารือถึงการพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่ จาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ขึ้นไปเชื่อมกับสถานีขนถ่ายสินค้าที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า
โดยรถไฟสายนี้จะเป็นประโยชน์กับการขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้ออกสู่มหาสมุทรอินเดียได้ หากประเทศจีนพิจารณาก่อสร้าง เส้นทางรถไฟจากชายแดนของจีนที่เมืองโม่หาน เชื่อมต่อมาที่เชียงของ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร จะทำให้การขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้ มาที่ท่าเรือน้ำลึกใน จ.ระนองได้
นอกจากนั้นรัฐบาลจีนยังทราบถึงความก้าวหน้าการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะที่ 1 และ 2 ของไทย และเห็นว่าหากโครงการดังกล่าวสำเร็จได้เร็วจะเกิดประโยชน์โดยรวมต่ออนุภูมิภาคเป็นอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: สุริยะ จัดให้ Thailand Landbridge Roadshow จีน