

ธ.ก.ส. เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ จัดมาตรการฟื้นฟูและเสริมสภาพคล่อง แบ่งเบาภาระเกษตรกร ผ่านสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน 67/68 วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก และสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR-2
- วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท
- ดอกเบี้ย MRR-2
วันที่ 25 ส.ค.2567 นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยฉับพลันที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตร ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทั้งด้านการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพ ดังนั้นเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว
ธ.ก.ส.จัดมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร
รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป
เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.975) วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท
และ 2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2
ทั้งนี้ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยมอบหมายให้ธ.ก.ส. ในพื้นที่ประสบภัย ได้แก่ จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ จัดถุงยังชีพเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้นกว่า 10,000 ถุง ส่งมอบน้ำดื่มธ.ก.ส. และจัดทำอาหารกล่องสนับสนุนหน่วยบรรเทา
สาธารณภัยในการปฏิบัติหน้าที่ และผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ประสบภัยร้ายแรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและหลังน้ำลดจะออกสำรวจความเสียหายของลูกค้า เพื่อรวบรวมข้อมูลในการวางแนวทางการช่วยเหลืออย่างตรงจุดต่อไป
สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าว สามารถแจ้งความประสงค์ได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-555-0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
- กทม. พร้อมรับมือน้ำเหนือ
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายศุภมิตร ลายทอง รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และนายนิพนธ์ ศรีเรือง ผู้อำนวยการกองระบบคลอง สำนักการระบายน้ำ ติดตามความพร้อมในการเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำเหนือไหลหลาก
โดยล่องเรือจากท่าเรือใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ข้ามไปยังวัดระฆังโฆสิตาราม ล่องไปทางเหนือสุดเขต กทม. พื้นที่เขตบางพลัด ซึ่งมีแนวเขื่อนบริเวณวัดวิมุตยารามที่กรุงเทพมหานครดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว และล่องกลับมาจบในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์
“จริงๆ แล้วไม่อยากให้พี่น้องประชาชนเป็นกังวลจนเกินไป เพราะว่ากรุงเทพมหานครได้มีการติดตามใกล้ชิดตลอดเวลาว่าน้ำเหนือที่จะไหลเข้ามาผ่าน แต่ละจุดเป็นอย่างไร เราจะมีการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า ซึ่งวันนี้ระดับน้ำที่จุดบางไทร จ.อยุธยา ยังอยู่ไม่ระดับที่ไม่น่ากังวล แต่เราก็ไม่ประมาทโดยเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงต่างๆ เป็นอย่างไร
ซึ่งน้ำจากน่านที่จะไหลเข้ามาถึง กทม.จะใช้เวลาประมาณ 6 วัน จะทำให้พอรู้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน น้ำจากบางไทรจะมาถึงกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังได้ใช้กระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นจากแนวเดิมโดยใช้ฐานจากปี 54 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่
ส่วนจุดที่มีปัญหารั่วซึม หรือเป็นแนวของท่าเรือ จะต้องแก้ปัญหาโดยการใช้กระสอบทรายเสริมกั้น เพื่อไม่ให้น้ำล้นเข้ามา อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนให้พี่น้องประชาชาที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังในช่วงที่จะมีน้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลเข้ามา และขอให้ติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนด้วย” รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าว
ด้วยปัจจุบันพื้นที่ทางภาคเหนือมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และอาจส่งผลกระทบให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กรุงเทพมหานครได้มีการติดตามสถานการณ์ และประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กรมชลประทาน ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อยู่เป็นประจำ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครได้
สำหรับสถานการณ์น้ำเหนือ วันนี้ (24 สิงหาคม 2567) มีปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 499 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 450 ลบ.ม./วินาที) และมีปริมาณน้ำผ่านจุดวัดน้ำบางไทร 707 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 576 ลบ.ม./วินาที)
ซึ่งปริมาณน้ำผ่านจุดวัดน้ำบางไทรที่กรุงเทพมหานครต้องเฝ้าระวัง คือ 2,500 ลบ.ม./วินาที ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อวานนี้ ระดับน้ำสูงสุดที่จุดวัดน้ำปากคลองตลาด สูงประมาณ +1.50 ม.รทก. จากอิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูง (ระดับคันกั้นน้ำ +3.00 ม.รทก.) ไม่กระทบต่อแนวพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร
การเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ กรุงเทพมหานครได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานเขตที่มีชุมชนอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำหรือชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง และเตรียมการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ พร้อมทั้งให้สำนักงานเขตตรวจสอบการเรียงกระสอบทรายให้มีความสูงเพียงพอและมีความแข็งแรงสามารถป้องกันน้ำได้ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์
เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น การจัดทำคันกั้นน้ำชั่วคราวด้วยกระสอบทราย การทำสะพานทางเดินชั่วคราว การให้ความช่วยเหลือประชาชนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ตลอดจนแจกจ่ายยารักษาโรค พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำรับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำเหนือ และน้ำหนุน
พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าระวังตามจุดอ่อนหรือจุดเสี่ยงน้ำท่วม รวมทั้งได้จัดเตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว เตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน หากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการแก้ไขและช่วยเหลือได้ในทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
และยังได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำและเข้าตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ และคลองพระโขนงในช่วงที่มีระดับน้ำขึ้นสูง ส่วนของแนวป้องกันตนเอง บางแห่งที่มีระดับคันกั้นน้ำต่ำ และไม่มีความมั่นคงแข็งแรง หรือแนวฟันหลอ กรุงเทพมหานครได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการเรียงกระสอบทราย เพื่อเสริมความสูงของแนวคันกั้นน้ำ และเสริมความมั่งคงแข็งแรง
เพื่อให้สามารถป้องกันน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง โดยได้เรียงแนวกระสอบทรายแล้วเสร็จ มีความสูงตั้งแต่ +2.40 ถึง + 2.70 ม.รทก. พร้อมทั้งตรวจสอบเตรียมความพร้อมของสถานีสูบน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรณีที่มีน้ำรั่วเข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยา จะใช้สถานีสูบน้ำในคลองตามแนวริมแม่น้ำสูบเร่งระบายออก
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจสอบความสมบูรณ์ของแนวคันกั้นน้ำ พระราชดำริด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันแนวคันกั้นน้ำพระราชดำริ มีความสมบูรณ์ ประตูระบายน้ำสามารถใช้การได้ทุกแห่ง
- ธอส. เตือนภัย กลุ่มมิจฉาชีพตัดต่อคลิปวิดีโอธนาคาร
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขอแจ้งเตือนภัยกรณีมีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างใช้บัญชีปลอมและตัดต่อคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การขอสินเชื่อของธนาคาร เพื่อใช้ในการโฆษณาเงินกู้นอกระบบ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ
โดย ธอส. ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการปล่อยสินเชื่อนอกระบบ ดังนั้น จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ตัดต่อ
คลิปวิดีโอดังกล่าว โดยธนาคารขอเตือนไปยังผู้ที่พบเห็นคลิปวิดีโอนี้ อย่าหลงเชื่อกลโกงหรือดำเนินการตามที่มิจฉาชีพแจ้งอย่างเด็ดขาด และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สามารถติดตามได้ที่ www.ghbank.co.th หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : “สมศักดิ์” พร้อม สส.เพื่อไทย ลุยตรวจระบายน้ำสุโขทัย เชื่อมือกรมชลประทาน