

เผยปริมาณการใช้พลังงาน ฟอสซิล พุ่งสูงเป็นประว้ติการณ์ ในปีที่ผ่านมาโดย จีน และ สหรัฐ ใช้ฟอสซิล รวมกัน เกือบครึ่งหนึ่งของ การบริโภคทั่วโลก โดยในปีนี้ จีน ยังคงเป็นผู้ใช้ถ่านหินสูงสุดถึง 56% และเป็นสถิติใหม่อีกด้วย
ท่ามกลางการ กระแสการใช้พลังงานหมุนเวียน พลังงานที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ ที่มีการเกิดใหม่ หรือ มีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หมดสิ้น อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ , พลังงานลม , พลังงานน้ำ และ พลังงานชีวมวล เป็นต้น
ปริมาณการใช้พลังงาน ฟอสซิล แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งขับเคลื่อน โดยการใช้ถ่านหิน และ น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ในประเทศจีน แม้ว่าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก จะเติบโตอย่างรวดเร็วก็ตาม
ซึ่งปริมาณการใช้รวมกันแล้ว ก๊าซ น้ำมัน และ ถ่านหินมีสัดส่วน 81.5% ของพลังงานรวมทั่วโลกในปีที่แล้ว ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 82% เมื่อปี 2565
จีน และ สหรัฐอเมริกา สองประเทศยักษ์ใหญ่ ของโลก ได้ใช้พลังงานฟอสซิล รวมกัน เกือบครึ่งหนึ่ง (47%) ของการบริโภค เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั่วโลก
ในปี 2566 ที่ผ่านมา จีน บริโภคพลังงาน ฟอสซิล 140 เอ็กซาจูล (Exajoule) ซึ่ง มีปริมาณ เทียบเท่ากับ ถ่านหินประมาณ 5.8 พันล้านตัน ตามมา ด้วยสหรัฐอเมริกาที่ 76 เอ็กซาจูล และ อินเดียอยู่อันดับที่สามที่ 35 เอ็กซาจูล
จีน ยังคงเป็นผู้บริโภค ถ่านหินรายใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็น 56% ของการบริโภคทั่วโลก ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ สำหรับประเทศนี้ นอกจากนี้ ในปี 2023 การบริโภคถ่านหินของอินเดีย ยังแซงหน้ายุโรป และ อเมริกาเหนือ รวมกันเป็นครั้งแรก
ในปีนี้ ปริมาณการใช้น้ำมันดิบทั่วโลก ทะลุ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นครั้งแรก และ ความต้องการถ่านหินก็สูงเกินกว่าสถิติของปีก่อน
การใช้พลังงาน ทั่วโลกในปี 2566
การใช้พลังงานทั่วโลก ทำสถิติสูงสุดเป็นปีที่สอง ติดต่อกัน โดยมีการใช้พลังงานรวม 620 เอ็กซาจูล เพิ่มขึ้น 2% จากปีที่ผ่านมา
แม้การใช้พลังงานฟอสซิล จะเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วน ของพลังงานฟอสซิลในพลังงานรวมลดลงจาก 81.9% เหลือ 81.5% เนื่องจากพลังงานหมุนเวียน เติบโตสูงถึง 30% ของการผลิตไฟฟ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ระบบพลังงานโลก กำลังเปลี่ยนไป สู่การใช้พลังงานที่สะอาด และ ยั่งยืนมากขึ้น แม้ จะยังมีความท้าทาย จากการใช้ พลังงานฟอสซิลที่ยังคงสูง
การผลิตไฟฟ้าทั่วโลก เพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับสูงสุดที่ 29,925 เทระวัตต์ชั่วโมง (TWh) โดย การใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ ตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นราว 5%
ส่วนการผลิตน้ำมันทั่วโลก สูงสุดที่ 96 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ในขณะที่ การผลิตน้ำมัน ของรัสเซียลดลง 1% เนื่องจาก ผลกระทบจากการคว่ำบาตร จากการรุกราน ประเทศยูเครน
ขณะที่ ความต้องการก๊าซทั่วโลกมีเสถียรภาพ เพิ่มขึ้นเพียง 1 bcm ในปี 2023 ขณะที่ความต้องการ ในยุโรปลดลง 7%
ทางด้าน การผลิตถ่านหินทั่วโลกสูงสุดที่ 179 เอ็กซาจูล โดยจีนยังคงเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคหลัก
และท้ายสุด การใช้พลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการบริโภคพลังงานสูงสุด คิดเป็น 47% ของการใช้พลังงานทั่วโลก ขณะที่การบริโภคในอเมริกาเหนือ และ ยุโรปลดลง
https://www.visualcapitalist.com/top-countries-by-fossil-fuel-consumption-in-2023
https://www.energyinst.org/statistical-review
https://thejournalistclub.com/energy-industrial-ieat/