มาสเตอร์การ์ด ชี้ เทรนด์ทัวร์ปี67 เอเชียครองโลก/ไทยบินโต 20%

MEI ของมาสเตอร์การ์ด ทำสำรวจเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวปี 2567 ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมเดินทางมาเที่ยวมากที่สุดใน 10 อันดับแรก
MEI ของมาสเตอร์การ์ด ทำสำรวจเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวปี 2567 ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมเดินทางมาเที่ยวมากที่สุดใน 10 อันดับแรก

MEI สถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ “มาสเตอร์การ์ด” เปิดผลสำรวจปี’67 “เอเชียแปซิฟิก” ครองตลาดโลกมากสุดใน 10 อันดับ ญี่ปุ่นทุบสถิติมี.ค.ทะลุ 3 ล้านคน “ไทย” โตแรง มีเที่ยวบินอาเซียนเพิ่ม 20 % เกิดเทรนด์ใหม่ พักนานวันขึ้น ใช้เงินไนท์ไลฟ์ กินอาหารพรีเมี่ยม เสพแฟชั่นเรียบง่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด “มาสเตอร์การ์ด” ได้เผยแพร่รายงานประจำปีล่าสุดฉบับที่ 5 ในหัวข้อ “Travel Trends 2024 : Breaking Boundaries” โดยสถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ มาสเตอร์การ์ด (Mastercard Economics Institute : MEI) ชี้ให้เห็นข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก 74 ประเทศ รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 13 ประเทศ

รายงานของ MEI ระบุว่า ไตรมาส 1 ปี 2567 “นักท่องเที่ยวใช้จ่าย” กับอุตสาหกรรมเรือสำราญและสายการบินครองสถิติสูงสุดถึง 9 วัน/คน/ทริป จากยอดใช้จ่ายภาพรวมสูงสุด 10 วัน/คน/ทริป สะท้อนถึงคนมุ่งสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายและจัดสรรเงินกับการเดินทางมากขึ้น โดยได้รวบรวมจาก Mastercard SpendingPulse™ จากแหล่งข้อมูลบุคคลที่สาม โดยเจาะลึกถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2567 และอนาคตในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมาก

ตลอดการเปลี่ยนแปลงใน 12 เดือน ที่มาจบเมื่อเดือนมีนาคม 2567 พบว่ามีจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอยู่ในเอเชีย แปซิฟิก มากถึงครึ่งหนึ่งของทั้ง 10 อันดับแรก ตามรายละเอียด 8 ส่วน ดังนี้

  • ส่วนที่ 1 “ญี่ปุ่น ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก เติบโตเพิ่มขึ้น 0.9 % มีต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวเดือนมีนาคมปีนี้มากถึง 3,081,600 คน เป็นสถิติสูงที่สุดในประวัติศสตร์ ท่ามกลางก่อนเข้าฤดูท่องเที่ยวไฮซีซันกับค่าเงินเยนอ่อนตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533 จึงช่วยให้ญี่ปุ่นยังคงเป็นผู้นำด้านท่องเที่ยวตลอดปี 2567 ส่งผลดีกับธุรกิจให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาพรวมในท้องถิ่นของญ่ปุ่น
  • ส่วนที่ 2 ทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะการเดินทางภายในภูมิภาคไปยังประเทศใกล้เคียงเริ่มจากช่วงฤดูร้อนปีนี้คือ สิงคโปร์ กรุงเทพฯ (ไทย) กัวลาลัมเปอร์(มาเลเซีย และเพิร์ธ (ออสเตรเลีย)
  • ส่วนที่ 3 ประเทศไทย การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเต็มที่ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ตามที่ MEI พบว่าขณะนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาไทยต่ำกว่าปีปกติ 2562 เพียง 7% เท่านั้น ด้วยปริมาณเที่ยวบินขาเข้าจากเอเชียใต้และอาเซียนเข้าออกไทยสูงกว่าปี 2562 เกือบ 20 %
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมจึงทำให้มีเที่ยวบินทั่วอาเซียนเปิดบินเพิ่มปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 20 %
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมจึงทำให้มีเที่ยวบินทั่วอาเซียนเปิดบินเพิ่มปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 20 %

นายเดวิด แมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า ลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องการและเต็มใจจะท่องเที่ยวโดยมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นที่จะได้รับประสบการณ์ความคุ้มค่าและดีที่สุดจากการเดินทางทั้งด้านการท่องเที่ยว ร้านค้า ภาคบริการ อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งที่สำคัญคือ “ต้นทุน” ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ และอำนาจการใช้จ่ายมีบทบาทสำคัญประกอบการตัดใจวางแผนการเดินทาง ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องประเมินและปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อดึงดูดกำลังซื้อเป้าหมาย

แนวโน้มช่วงฤดูร้อนระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม 2567 จะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางใน 10 ประเทศหลัก
แนวโน้มช่วงฤดูร้อนระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม 2567 จะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางใน 10 ประเทศหลัก

แนวโน้มสถานสถานที่ยอดนิยมช่วงฤดูร้อนระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม 2567 เมื่อประเมิน “การจองเที่ยวบิน” แล้วพบว่า อันดับ 1 จะเป็น “มิวนิก” เยอรมัน กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปประจำปี 2567 ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ อันดับ 2 “โตเกียว” ญี่ปุ่น ตามหลังมาติด ๆ ส่วนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อันดับ 6 เป็นบาหลี อินโดนีเซีย และอันดับ 7 กรุงเทพฯ ของไทย จะติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางไปเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

  • ส่วนที่ 4 สาธารณรัฐประชาชนจีน สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มเชิงบวก มีจำนวนผู้โดยสารทางอากาศกลับสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์สูงกว่าปี 2562 แต่ก็มีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศสูงเช่นกันประมาณ 80.3 % ของปี 2562 คาดปี 2567 อานิสงจากการยกเว้นวีซ่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อจุดหมายปลายทางต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย
ประเทศไทยมีแนวโน้มการท่องเที่ยวเติบโตดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวจากปี 2562 กลับมาได้แล้ว 93 %
ประเทศไทยมีแนวโน้มการท่องเที่ยวเติบโตดีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวจากปี 2562 กลับมาได้แล้ว 93 %
  • ส่วนที่ 5 อินเดีย นักท่องเที่ยวเดินทางต่างประเทศพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จากการขยายฐานตลาดกลุ่มชนชั้นกลาง จึงมีการบินเพิ่มมากขึ้น 3 เดือนแรก ปี 2567 มีผู้โดยสารอินเดียผ่านเข้าออกสนามบินทั้งหมด 97 ล้านคน เปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มจึงจะเห็นตัวเลขดังกล่าว

อีกทั้งผู้โดยสารอินเดียยังเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 21% เทียบกับปี 2562 เดินทางข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้น 4%

เปรียบเทียบระหว่างปี 2562 กับปี 2567 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางสู่ปลายทางในประเทศยอดนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 53% เวียดนามเพิ่มขึ้น 248% สหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 59% แตกต่างจากทั่วไปสหรัฐมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศต่ำกว่าปี 2562 ถึง 7% ส่วนใหญ่เพราะค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

  • ส่วนที่ 6 นักท่องเที่ยวพักนานขึ้น ภาพรวมปี 2567 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) มีวันพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอีก 1.2 วัน จากทั้งหมดเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4 วัน/ทริป (สถิตินี้เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2562 ที่มีวันพักเฉลี่ยเพียง 6.1 วัน/ทริป) โดยมีแรงกระตุ้นจาก 3 ปัจจัย คือ 1.ค่าใช้จ่ายในประเทศจุดหมายปลายทางเอื้ออำนวยมากขึ้น 2.อากาศอบอุ่น 3.อัตราแลกเปลี่ยนน่าพึงพอใจ

เมื่อมีนักท่องเที่ยวพักนานวันยาวขึ้นก็ส่งผลดีกับการจับจ่ายใช้สอยต่อทริปเพิ่มขึ้นด้วย เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้น ๆ

ขณะที่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติพักเฉลี่ย 5.4 วัน เพิ่มขึ้น 0.6 วัน/ทริป เทียบกับปี 2562

ภาพรวมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประเทศที่มีนักท่องเที่ยวขยายวันพักมากที่สุดระหว่างปี 2562 – 2567 คือ อินเดียเพิ่ม 2 วัน เวียดนาม เพิ่ม 2 วัน อินโดนีเซีย เพิ่ม 1.9 วัน ญี่ปุ่นเพิ่ม (+1.4 วัน) สาเหตุหลักเพราะ “ราคาที่พัก” ในประเทศดังกล่าวปรับสูงขึ้นน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ

  • ส่วนที่ 7 เทรนด์การท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายเงินมาก คือ “ประสบการณ์และความบันเทิงยามค่ำคืน” มีมากสูงถึง 12% ของยอดขายท่องเที่ยวทั้งหมด สูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนการค้าปลีกอื่น ๆมีอัตราฟื้นตัวช้าลง

“ออสเตรเลีย” เป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายด้านประสบการณ์และความบันเทิงยามค่ำคืนมากที่สุดในโลก ปี 2567 ใช้จ่าย 1 ใน 5 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 19% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งมีเพียง 12%

“จีนแผ่นดินใหญ่” ปี 2567 นักท่องเที่ยวใช้จ่ายในหมวดนี้ประมาณ 10% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งใช้เพียง 7% เท่านั้น

  • ส่วนที่ 8 ความเรียบง่ายสำคัญกว่าความหรูหรา ทั้งในเรื่องแฟชั่นและอาหาร ถึงแม้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจะชื่นชอบบรรยากาศสบาย ๆ แต่ก็ยอมจ่ายเพื่อได้นั่งร้านค้าหรูและรับประทานอาหารแบบ fine dining หากประเมินแล้วได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

“ยอดขายแฟชั่นสุดหรู” มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2567 “ญี่ปุ่น”เติบโตต่อเนื่อง 152% เพราะค่าเงินเยนอ่อนตัวการท่องเที่ยวขาเข้าแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับฮ่องกงโต 208 % เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศล่าช้าเมื่อปี 2566

ปัจจุบันใน ไทย อินเดีย ออสเตรเลีย อินเดีย ธุรกิจร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง เติบโตขึ้นมาก นักท่องเที่ยวหันมารับนิยมรับประทานอาหารแบบพรีเมียมมากกว่าแบบทั่วไป แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ยังเป็นนิยมแบบทั่วไปเป็นหลัก  

-เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : มาสเตอร์การ์ด-เวสต้า ยกระดับประสิทธิภาพการตรวจจับการฉ้อโกงในระบบชำระเงิน