

สนค.เผย 8 เดือนแรกปีนี้ ไทยส่งออกมังคุด คิดเป็นมูลค่า 15,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน เติบโตทุบสถิติ ยืนหนึ่งในตลาดโลก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดจีน
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์การส่งออก มังคุด ไทย ซึ่งถือเป็นผลไม้ที่ไทย ที่ครองตำแหน่งผู้นำการส่งออกอันดับหนึ่งของโลก โดยไทยส่งออกร้อยละ 91 (รวมผลสดและแปรรูป) และบริโภคในประเทศเพียงร้อยละ 9 ของผลผลิตมังคุดทั้งประเทศ
ทั้งนี้ การส่งออกไปจีนมีสัดส่วน มากกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกมังคุด ทั้งหมดของไทย โดยมังคุดไทยเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในและต่างประเทศ เนื่องจากมีชื่อเสียงด้านรสชาติอร่อย ผลใหญ่ เปลือกบาง อีกทั้งกระบวนการเก็บเกี่ยวและการขนส่งที่ใส่ใจช่วยรักษาคุณภาพของผลไม้ได้เป็นอย่างดี
ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม ปี 2567 ไทยส่งออกมังคุดแล้ว 247,274 ตัน ขยายตัวร้อยละ 25.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 427.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 15,425 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 2.0
โดยตลาดส่งออกมังคุดที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) จีน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.83 มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 3.6 2) เวียดนาม สัดส่วนร้อยละ 5.09 มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 55.9
3) เกาหลีใต้ สัดส่วนร้อยละ 1.68 มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 186.1 4) สหรัฐอเมริกา สัดส่วนร้อยละ 0.51 มูลค่าการส่งออกขยายตัวร้อยละ 50.3 และ 5) กัมพูชา สัดส่วนร้อยละ 0.33 มูลค่าการส่งออกขยายตัว 24 เท่า ( 2,481.6 %)
ทั้งนี้ การส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ไทยส่งออกมังคุดรวม 248,612 ตัน ขยายตัวร้อยละ 20.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 502.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17,192 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 25.6
ในด้านการนำเข้าของจีน ในปี 2566 จีนมีมูลค่าการนำเข้ามังคุดทั้งหมด 730.41 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยจีนนำเข้าจากไทยเป็นอันดับหนึ่ง ในปี 2566 จีนนำเข้ามังคุดจากไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
แต่พบว่าสัดส่วนการนำเข้าจากไทยลดลงเล็กน้อย
ขณะที่มูลค่าการนำเข้าและสัดส่วนการนำเข้าจากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องรักษาคุณภาพและยกระดับการผลิต
รวมทั้งกระจายตลาดเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักเพียงตลาดเดียว ทั้งนี้ นอกจากไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แล้ว ปัจจุบันจีนอนุญาตให้นำเข้ามังคุดได้จากอีก 2 ประเทศ คือ เวียดนาม และเมียนมา
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า มังคุดเป็นผลไม้ส่งออกที่มีศักยภาพของไทย ที่ผ่านมาไทยพึ่งพาตลาดจีนเป็นหลัก แต่ปัจจุบันไทยมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น ไทยจึงต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ในทุกมิติ ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ได้คุณภาพเพื่อให้ส่งออกได้
เนื่องจากผลผลิตมังคุดทั้งประเทศ จะใช้บริโภคภายในประเทศเพียงร้อยละ 9 เท่านั้น และต้องให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว และการยืดอายุการเก็บรักษาให้นานขึ้นด้วย
การดึงดูดผู้บริโภคด้วยการสร้างเอกลักษณ์ และจุดเด่นเฉพาะตัวของ มังคุด ไทย ผ่านการจดทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ที่สะท้อนถึงแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง จะช่วยยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า (ปัจจุบันมีมังคุด GI ได้แก่ มังคุดในวงระนอง มังคุดเขาคีรีวง และ มังคุดทิพย์พังงา
และการโปรโมทสินค้าอย่างมังคุดแท่ง (มังคุดเสียบไม้) และการบุกตลาดแปรรูปใหม่ ๆ เช่น มังคุดกวนไร้น้ำตาล ขนมไส้มังคุด มังคุดอบกรอบไม่ทอด ไอศกรีม ขนม และน้ำมังคุด รวมทั้งเปลือกและเมล็ด ก็สามารถนำไปใช้ในอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งเป็นสินค้าเทรนด์รักสุขภาพ
เป็นอีกทางที่จะช่วยพยุงไม่ให้ราคาตกต่ำ และเปิดโอกาสให้มีการสร้างผลิตภัณฑ์แปลกใหม่ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ในการขยายตลาด อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักมากเกินไป
นอกจากนี้ การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลาย ตั้งแต่ร้านขายของฝาก คาเฟ่ ร้านอาหาร ไปจนถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ และการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจ
โดยเฉพาะร้านค้าท้องถิ่นที่พร้อมจะร่วมทำการตลาดจะสามารถช่วยขยายฐานลูกค้า
ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับการโปรโมทสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ และ โซเชียลมีเดีย ซึ่งช่วยส่งเสริมให้มังคุดไทยสามารถกระจายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บางจาก รับซื้อมังคุดชาวสวน แจกฟรีปั๊ม กทม./ปริมณฑล 29-31ส.ค.67