ลาก่อน Louis Vuitton กลุ่มคน Gen Z ในจีนหันใช้สินค้าลอกเลียนแบบ

คนรุ่นใหม่จีนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจต้องรีบตัดค่าใช้จ่ายอย่างหนัก รวมถึงเลิกซื้อของหรูอย่าง Louis Vuitton , Chanel และ Prada
คนรุ่นใหม่จีนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจต้องรีบตัดค่าใช้จ่ายอย่างหนัก รวมถึงเลิกซื้อของหรูอย่าง Louis Vuitton , Chanel และ Prada


เจิ้งเจี๋ยเหวินวัย 23 ปีพนักงานโฆษณาในเมืองกวางโจวต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนเมื่อสองปีก่อนเธอเคยทำงานเป็นนางแบบและมีรายได้ถึง 30,000 หยวนต่อเดือน  นับตั้งแต่แต่ตั้งแต่ปีที่แล้วรายได้ของเธอลดลงเรื่อยๆจนล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์เธอต้องเผชิญกับการลดเงินเดือนครั้งใหญ่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งของรายได้เดิมเธอจึงต้องรีบตัดค่าใช้จ่ายอย่างหนักรวมถึงเลิกซื้อของหรูอย่าง Louis Vuitton, Chanel และ Prada

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น จัดทำสกู๊ป เกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ซบเซาได้ผลักดันให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หันมาใช้สินค้าลอกเลียนแบบหรือ “pingti” ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพสูงเลียนแบบแบรนด์ดัง 

ซึ่งความนิยมของสินค้าประเภทนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงใกล้จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่ชาวจีนหันไปซื้อสินค้าแบรนด์หรูจากตะวันตก 

ทุกวันนี้กลุ่มคนจีนรุ่นมใหม่นี้กลับมองหาทางเลือกที่ราคาถูกลง ตัวอย่างเช่น กางเกงโยคะของ Lululemon  แบรนด์ดังจากประเทษแคนาดา ที่มีราคาจำหน่ายที่ 750 หยวน  (106 ดอลล่าร์) แต่สินค้าลอกเลียนแบบที่ขายบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซกลับมีราคาต่ำเพียง 5 ดอลลาร์เท่านั้รน และอ้างว่าคุณภาพใกล้เคียงกัน

การหันมาใช้สินค้าลอกเลียนแบบนี้ไม่เพียงกระทบต่อ Louis Vuitton เท่านั้น แต่ยอดขายของ LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูหลายแบรนด์ก็ลดลง 10% ในภูมิภาคเอเชียที่ไม่รวมญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีแรก 

ภาวะนี้ยังส่งผลให้การเติบโตของยอดขายปลีกในจีนเพิ่มขึ้นเพียง 2.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และการกระตุ้นการบริโภคในครัวเรือนก็ยังไม่เป็นผลท่ามกลางวิกฤตอสังหาริมทรัพย์

แม้จีนจะเปิดประเทศหลังการระบาดของโควิด-19 แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคมลดลงอีก เหลือ 86.0 ซึ่งใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565 

ขณะเดียวกันอัตราการว่างงานในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18-24 ปีก็พุ่งสูงขึ้นถึง 18.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนซึ่งเคยมีสัดส่วนถึง 30% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เริ่มซบเซามาตั้งแต่ปี 2019 และทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2021 หลังจากรัฐบาลปราบปรามการกู้ยืมของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ราคาบ้านตกต่ำ และผู้บริโภคสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างมาก 

บริษัทNomura ระบุว่าราคาบ้านในจีนลดลงเกือบ 30% จากปี 2021 ซึ่งกระทบความมั่งคั่งของครัวเรือนจีนอย่างรุนแรง นักวิเคราะห์ประเมินว่ามูลค่าความมั่งคั่งที่สูญเสียไปเทียบเท่ากับรายได้ราว 60,000 ดอลลาร์ต่อครัวเรือน

นิโคล ฮาล นักธุรกิจวัย 33 ปีในเมืองกวางโจว กล่าวว่า ความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจทำให้เธอต้องลดการใช้จ่าย แม้ว่าปีนี้เธอและสามีคาดว่าจะมีรายได้สูงถึง 4 ล้านหยวน แต่เธอกลับเลิกซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย หันมาทำอาหารเอง และลดการกินข้าวนอกบ้านเพื่อประหยัด

การลดลงของการบริโภคส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจจีน ธนาคารหลายแห่งได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจจีนลงต่ำกว่าเป้าหมาย 5% ที่รัฐบาลประกาศไว้เมื่อต้นปี แม้รัฐบาลจีนจะพยายามส่งเสริมภาคการผลิตโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า แต่การรุกตลาดต่างประเทศของจีนกลับพบการต่อต้านอย่างหนัก โดยเฉพาะในยุโรป

ความต้องการภายในประเทศที่อ่อนแอทำให้เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก และดูเหมือนว่าการบริโภคจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ขณะที่ปักกิ่งต้องเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตนี้

https://edition.cnn.com/2024/09/23/business/china-dupe-economy-hnk-intl

พันธมิตรยักษ์ใหญ่ระดับโลกมั่นใจ “สยามพารากอน” และ “ประเทศไทย” เดินหน้าร่วมขยายโกลบอลอีโคซิสเต็ม