

สิงคโปร์ จะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคม อย่างเป็นทางการ ลี เซียนลุง ส่งมอบต่อ ลอว์เรนซ์ หว่อง จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ในรอบ 59 ปี
ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์ คนที่ 3 ประกาศส่งมอบเก้าอี้ หลังจากนั่งบริหารประเทศมา 20 ปีเต็ม ก่อน จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ในเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยเขามีกำหนดการส่งมอบตำ่แหน่งในอีก 2 วันข้างหน้า ให้กับ ลอว์เรนซ์ หว่อง โดยเขา จะสาบานตนในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในวันนั้น ที่ทำเนียบประธานาธิบดีสิงคโปร์
ประวัตินายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของสิงคโปร์
เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2515 ที่ สิงคโปร์ เติบโตมา ในย่านชายฝั่งตะวันออก ของสิงคโปร์ เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม Tanjong Katong ในละแวกเดียวกับ ที่แม่ของเขาเป็นครูอยู่ด้วย ก่อนที่จะไปเรียนที่ Victoria Junior College ต่อมา ไปศึกษาต่อ ในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับปริญญาหลายใบ จากมหาวิทยาลัย 3 แห่ง รวมถึง ปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ลอว์เรนซ์ หว่อง เพิ่งจะเข้าสู่การเมืองด้วยการได้รับเลือก เป็นสมาชิกรัฐสภา ระหว่างการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ เขามีอายุครบ 40 ปี ต่อมา เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกลาโหม
ปัจจุบัน เขาเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งการเป็นรองเลขาธิการพรรค Peaple’s Action Party (PAP) และ ก่อนหน้านี่เขาเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาแห่งชาติ มาแล้ว
ผลงาน ของเขาที่ได้รับการยอมรับ การเป็นผู้นำของพรรค และ ถูกเลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของสิงคโปร์ คนล่าสุด คือ การรับมือกับวิกฤตโควิด 19 อยู่หมัด ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมา ทำให้สิงคโปร์ มีอัตราการเสียชีวิต จากโรคดังกล่าว ในอัตราต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก
เขา มีอายุน้อยกว่า ลี เซียนลุง 20 กว่าปี จะเป็นผู้นำคนแรก ของสิงคโปร์ ที่เกิดภายหลังการประกาศเอกราชของประเทศ และ คาดว่าจะนำแนวทางการเป็นผู้นำที่มีแนวทางที่ทันสมัยมากขึ้น
ปัญหาใหญ่ที่รอท้าทาย
เศรษฐกิจสิงคโปร์ กำลังเผชิญความท้าทาย ท่ามกลางความผันผวน ของเศรษฐกิจโลก จากสาเหตุหลัก สงครามในตะวันออกกลาง และ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ซึ่งสิงคโปร์เองหลีกเลี่ยง กับผลกระทบนี้ไม่ได้
ขณะเดียวกัน ปัญหาค่าครองชีพสูงมาก สิงคโปร์ เป็นประเทศที่ถูกจัดว่ามีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ในปี 2566 และ ครองแชมป์ต่อเนื่อง 9 ปี ติดต่อกัน
รวมทั้ง ปัญหาที่อยู่อาศัยมีราคาแพง ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยยากขึ้น แม้แต่ ที่อยู่อาศัยจัดสรรของรัฐ ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของประชากรกว่า 80% ระหว่างปี 2564-2565 พบว่ามูลค่าขายต่อปรับเพิ่มขึ้น ถึงปีละ 10%-12%
การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อัตราการเกิดต่ำ ทำให้สิงคโปร์ เตรียมเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ ภายในปี 2573 โดยคาดกันว่า ประชากรหนึ่งในสี่ จะมีอายยุ 65 ปี ขึ้นไป รวมไปถึงคนรุ่นใหม่ถูกกกดดันให้ทำงานหนัก เพื่อจ่ายภาษีสมทบเงินดูแลผู้สูงอายุ
การเปลี่ยนผ่านอำนาจ ของผู้นำสิงคโปร์ ในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่หลาย ๆ ฝ่ายจับตามอง เพราะสิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของโลก ในฐานะศูนย์กลางการเงิน และ เทคโนโลยีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ทั้งนักวิเคราะห์ นักธุรกิจ และ นักลงทุนต้องพยายามศึกษาว่า สิงคโปร์ภายใต้การนำของผู้นำคนนี้นั้นจะเดินทางไปในทิศทางไหน
สำหรับ ต่ำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เป็นตำแหน่ง ที่มีเงินเดือนประจำปี 2.2 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่ง นักการเมืองสิงคโปร์ จัดว่าอยู่ในกลุ่มที่ได้รับค่าตอบแทนดีที่สุดในโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ/2783427
https://thejournalistclub.com/technology-news-ai-singapore-16032024/253129