JNC สารทุกข์สุกดิบ : ความสุขฉบับ“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” Series 7

JNC สารทุกข์สุขดิบ คิดถึ้ง คิดถึง : ความสุขฉบับ“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” Series 7

The Journalist Club ได้เปิดคอลัมน์ใหม่ ในชื่อว่า JNC สารทุกข์สุกดิบ เราจะพูดคุยติดตาม อัปเดตชีวิตของบุคคลที่เงียบหายไป มานำเสนอ

เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ตามประสาคนคุ้นเคย หรือเห็นหน้าเห็นตากันมาบ่อยครั้งแล้วหายหน้าไป หลบ “แสงสปอร์ตไลท์” ไปใช้ชีวิตอยู่ใน “แสงธรรมชาติ”

JNC : สารทุกข์สุกดิบ หมายเลข 00001

ศาสตราภิชาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และอดีตรมว.คลัง

…ที่ผ่านมาไม่ว่าอาจารย์สมคิดจะขึ้นพูดเวทีไหน ทั้งในประเทศและต่างประเทศจะดูมีพลัง ผู้คนจะเงียบและฟัง  เชื่อมั่นไปในทิศทางเดียวกันว่า อาจารย์สมคิด จะนำพานโยบายไปสู่การปฏิบัติได้จริง ซึ่งน้อยคนนักที่จะพูดแล้วสร้างพลังนำพาอารมณ์ของผู้คนในเกิดความเชื่อมั่น เช่นนั้นได้

ด้วยภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และด้วยความคิดถึ้ง…คิดถึง จึงนำพาพวกเรานักข่าววงเล็กๆไปพบอาจารย์สมคิด

อาจารย์ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ของแต่ละคน ถามถึงน้องนักข่าวคนนั้นคนนี้ที่ติดงานมาไม่ได้ว่า แต่งงานยัง มีลูกยัง เป็นยังไงกันบ้าง มีหนี้สินไหม ผ่อนบ้านหมดยัง และลงท้ายด้วย “ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ” ฟังไปก็ซึ้งใจไป อาจารย์เป็นผู้ใหญ่ที่อ่อนโยนและอบอุ่นเสมอ

จึงไม่แปลกใจที่อาจารย์จะเป็นที่รักของหลานๆ 3 คน และคนที่ 4 กำลังตามมา ทุกวันนี้ ถ้าไม่ติดงานอะไร อาจารย์จะไปรับหลานที่โรงเรียนด้วยตัวเอง อาจารย์ทำท่าภูมิใจแล้วพูดว่า แทนที่ “ปู่จะติดหลาน” กลายเป็น “หลานที่ติดปู่” พอขึ้นรถหลานจะให้ปู่นั่งข้างๆด้วยเสมอ

อาจารย์บอกเคล็ดลับที่ทำให้หลานติดปู่ว่า “ไม่มีอะไรผมแค่ให้เยลลี่กับหลาน มีเด็กคนไหนไม่ชอบเยลลี่บ้าง” เท่านั้นแหละทั้งวงถึงกับฮาออกมาพร้อมกัน จะทำอะไรเราต้องมีกลยุทธ์ ต้องมีการวางแผน

พร้อมย้อนกลับไปว่า ตอนที่ภรรยาของอาจารย์ตั้งท้อง อาจารย์จะขับรถทดสอบก่อนว่าจะไปโรงพยาบาลเส้นทางไหนดีที่สุด รถไม่ติด จะใช้เวลาเท่าไหร่ เพื่อศึกษาเส้นทางไว้ก่อน  เมื่อถึงเวลาวันคลอดจริงจะได้ไม่ผิดพลาด พาภรรยาและลูกไปถึงโรงพยาบาลโดยปลอดภัย

“การวางแผนและเตรียมการเป็นเรื่องสำคัญ” อาจารย์ย้ำอีกครั้ง ฟังอาจารย์แล้วก็ได้แต่ยิ้มด้วยความชื่นชม ใจฟูกับเรื่องที่อาจารย์เล่าให้ฟัง

สิ่งที่หลายคนอยากรู้ คือ กิจกรรมในชีวิตของอาจารย์ทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง อาจารย์เล่าว่าทำงานให้บริษัทเอกชน เข้าประชุมเป็นครั้งคราว พร้อมพูดติดตลกว่า บางทีก็แค่เข้าไปนั่งยิ้ม แต่บริษัทนั้นกำไร 50,000 ล้านบาท

อาจารย์ยังแนะนำด้วยว่า เราควรจะสร้างกล่องก่อนสร้างเงิน เมื่อได้กล่องแล้ว เงินจะมาเอง ถ้ามัวแต่สร้างเงิน จะไม่มีเวลาไปสร้างกล่อง แล้วเวลาก็จะผ่านไป และก็อาจจะได้เงินน้อยกว่าการสร้างกล่องก่อนด้วยซ้ำ

เรื่องงานของอาจารย์นั้น ภรรยาจะเป็นคนจัดตารางงานให้ จำกัดตารางงานอยู่แค่ 2 สัปดาห์ต่อเดือน เพื่อให้มีเวลาว่าง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน แล้วออกเดินทางท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สิ่งที่ยังค้างคาอยู่คือการเดินทางไปประเทศไอซ์แลนด์ ไปมา 2 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่เห็น “แสงเหนือ” ต้องมีครั้งที่ 3 แน่นอน อาจารย์ยังเล่าด้วยว่าทริปฮอกไกโดที่ผ่านมา น้อง “คลัง” ลูกชายคนสุดท้อง เป็นคนจัดทริป วางแผนการเที่ยวให้เองทั้งหมด เพราะพูดภาษาญี่ปุ่นได้

อาจารย์เล่าว่า นั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซน(Shinkansen)ไปเที่ยว ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และปลอดภัยกว่าเครื่องบิน ที่อยู่ดีไม่ดี ประตูเครื่องบินหลุดออกกลางอากาศได้ และเราสามารถส่งกระเป๋าเดินทางไปที่พักล่วงหน้าได้ มีบริษัทรับดำเนินการ ก็แค่ติดกระเป๋าใบเล็กๆไว้กับตัว ญี่ปุ่นทำระบบรองรับ อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

การเที่ยวเองจึงไม่มีปัญหา และยังเดินขึ้นเขาได้อยู่

เรื่องสนทนามีเรื่องราวมากมาย แต่อาจารย์ไม่เคยให้ร้ายใคร มีแต่ความห่วงใยบ้านเมืองอย่างที่เคยเป็น พร้อมคำแนะนำเล็กๆแบบให้เกียรติ ไม่ก้าวก่าย

เช่น เรื่องแลนด์บริดจ์ อาจารย์สมคิดบอกว่า ถ้าจะขายนักลงทุนให้มีน้ำหนัก ต้องอธิบายและเดินหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี อย่างจริงจัง เชื่อมโยงกับเส้นทางBelt and Road ของจีน แลนด์บริดจ์เป็นแค่ความเกี่ยวเนื่องกับอีอีซีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น การแยกส่วนจะทำให้นักลงทุนไม่เห็นภาพรวมที่มีน้ำหนักเพียงพอ

ฟังแล้วก็ถึงบางอ้อ อาจารย์ยังมองขาดเหมือนเดิม

ทิ้งท้ายกับเคล็ดลับของอาจารย์ที่ทำให้มีความสุข คือ ให้ท่องไว้ 3 คำ “ช่างมัน ช่างมึง และ ช่างกู” สรุปแล้วก็คือ การปล่อยวางนั่นเอง และอย่าไปสนใจใครมากถ้าตัวเองจะทำอะไร ทำไปเลย

การพูดคุยกันรอบนี้ หน้าตาอาจารย์ยังผ่องใส สีอมชมพู ไม่มีร่องรอยของความชราลงแม้แต่น้อย แม้อาจารย์จะบอกว่า ผมอยู่ Series 7 แล้วนะ หรืออายุ 70ปี แล้วนั่นเอง เรื่องสุขภาพ อาจารย์บอกว่ามีโรคประจำตัวอยู่โรคเดียว ทุกอย่างที่เหลือโอเคหมด (ขออนุญาตไม่เปิดเผยข้อมมูลส่วนตัวในส่วนนี้) แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะอาจารย์ดูแลจัดการได้

“ทุกวันนี้ ผมเดินไปไหน มีคนทักทาย ส่งยิ้มให้ด้วยมิตรไมตรี มาขอถ่ายรูปด้วย ไม่โดนใครด่า ก็ถือว่าดี มีความสุขแล้ว”

อาจารย์ยังสนใจจะกลับเข้าสู่การเมืองอีกไหม? อาจารย์สมคิดตอบกลับแบบไม่ลังเลว่า “ไม่แน่นอน” และ ทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาว่า “ผมโง่มามากแล้ว”

ทุกคนเงียบ ไม่ถามต่อ ไม่รู้ว่าในใจอาจารย์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็พอจะมองออกว่า อาจารย์ยังคิดถึงเรื่องบ้านเมืองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่การเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย เหมือนที่อาจารย์เคยย้ำอยู่เสมอว่า “เป็นนักการเมืองต้องรู้จักเสียสละ”

และบอกน้องๆนักข่าวว่า ถ้าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ดูแลท่านให้ดี เพราะตอนที่เราอยู่ในวัยทำงาน งานจะเป็นอุปสรรคสำคัญขวางกั้นเราไม่ให้ทำหน้าที่ลูกได้เต็มที่ และเมื่อผ่านไปเราจะย้อนเวลากลับมาแก้ไขก็ไม่ได้แล้ว  

รู้สึกเหมือนยังไม่อิ่มสมกับความคิดถึง ที่ไม่ได้เจออาจารย์มานาน แต่ทุกการเดินทางย่อมมีเวลาสิ้นสุดของมัน วงสนทนาก็เช่นกัน รักษาสุขภาพด้วยนะครับอาจารย์ คิดถึ้ง…คิดถึง