

มีแนวโน้มว่าจะได้รับการอัปเกรดเป็น Wi-Fi 7 ให้ความเร็วในการเชื่อมต่อมากกว่า Wi-Fi 6 เกือบ 5 เท่า แต่คาดในรุ่น iPhone 16 จะไม่ติดมาด้วย จะมีเฉพาะในรุ่นพรีเมียม
แอปเปิล กำลังทำงานอย่างหนักกับการเปิดตัว iPhone 16 ซีรีส์ เราคาดว่า iPhone 16 และ iPhone16 Pro และมีข่าวลือล่าสุด รุ่น Pro อาจแซงหน้ารุ่นที่ราคาถูกกว่าด้วยการรองรับ Wi-Fi 7 เต็มรูปแบบ
ข่าวลือนี้มาจาก DigiTimes ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานของไต้หวัน โดยระบุว่า “มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวาง” ว่า iPhone16 Pro และ iPhone16 Pro Max จะรองรับ Wi-Fi 7 ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับทั้งความเร็วและคุณภาพการเชื่อมต่อสำหรับผู้ซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
แน่นอนว่าในการใช้ประโยชน์จาก Wi-Fi 7 คุณจะต้องมีเราเตอร์ Wi-Fi 7 ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งอยู่ในบ้านของคุณ หากเป็นเช่นนั้น คุณจะได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อล่าสุดและดีที่สุด
รวมถึงความสามารถในการส่งและรับข้อมูลผ่านแบนด์ 2.4GHz, 5GHz และ 6GHz ในเวลาเดียวกัน
ด้วยแบนด์ทั้งสามนี้ คุณจะได้ความเร็ว Wi-Fi ที่เร็วขึ้นและเวลาแฝงที่ต่ำลงผ่านการเชื่อมต่อที่แรงกว่า ซึ่งเป็นข้อดีทั้งหมด
นี่ไม่ใช่ข่าวลือแรกเกี่ยวกับ Wi-Fi 7 ที่จะมาสู่ iPhone16 Pro เนื่องจากนักวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน Jeff Pu เคยรายงานเรื่องเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Samsung รองรับ Wi-Fi 7 บนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น Galaxy S24 Ultra แล้ว
ดังนั้นการที่ Apple ผลักดันการอัปเกรดนี้จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ แอปเปิล อาจวางแผนที่จะสงวนการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นไว้สำหรับรุ่น Pro ที่มีราคาแพงกว่า
แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เนื่องจากบริษัทต้องการสิ่งอื่น นอกเหนือจากกล้อง และ หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ตามข่าวลือ เพื่อให้รุ่นที่มีราคาแพงกว่า มีความโดดเด่น
เราต้องรอจนถึงงานเปิดตัว แอปเปิล ในเดือนกันยายน จึงจะทราบแน่ชัดว่าอุปกรณ์แต่ละรุ่นรองรับ Wi-Fi แบบไหน มีโอกาสเสมอที่ แอปเปิล จะนำ Wi-Fi 7 มาในรุ่นที่ราคาถูกกว่าด้วย
แต่จากข่าวลือเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะไม่น่าจะเป็นไปได้มากนัก
WiFi 7 คืออะไร?
Wi-Fi7 เป็นมาตรฐาน WiFi มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า IEEE 802.11be Extremely High Throughput (EHT) ซึ่งทำงานอยู่บน 3 คลื่นความถี่ (2.4 GHz, 5 GHz, และ 6 GHz) เพื่อใช้งานทรัพยากรคลื่นความถี่อย่างเต็มความสามารถ
ขณะที่เทคโนโลยี Wi-Fi 6 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองการใช้งานที่มีจำนวนอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น
แต่สำหรับเทคโนโลยี Wi-Fi7 มีการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วไปยังทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับการบัฟเฟอร์, ล่าช้า, หรือความแออัดของสัญญาณ การเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี Wi-Fi7 จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับคุณ
Wi-Fi7 มาพร้อมกับแบนด์วิดท์ขนาดกว้างเป็นพิเศษจำนวน 320 MHz, 4096-QAM, Multi-RU, และ Multi-Link Operation เพื่อให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงกว่า Wi-Fi 6 ถึง 4.8 เท่า และเร็วกว่า WiFi 5 ถึง 13 เท่า เพื่อรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น
Wi-Fi7 แตกต่างจากเทคโนโลยี Wi-Fi รุ่นก่อนอย่างไร?
แม้ว่า Wi-Fi 6 จะให้ความเร็วมากขึ้นถึง 37% จาก W-iFi รุ่นก่อน
แต่ก็ไม่ได้มีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดดเหมือน Wi-Fi 5 ที่มีการพัฒนาความเร็วจากรุ่นก่อนถึง 10 เท่า
ซึ่งเป้าหมายในการพัฒาเทคโนโลยี Wi-Fi 6 นั้นเน้นเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้งานมากกว่าความเร็วในการรับส่งข้อมูล
แต่สำหรับเทคโนโลยี Wi-Fi7 นั้น ได้มีการออกแบบเพื่อปรับปรุงการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น
โดย Wi-Fi7 สร้างความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในด้านการรับส่งข้อมูล
โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 480% และด้วยความสามารถในการรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์รุ่นเก่าของเราเตอร์ WiFi 7 จึงเป็นการเปิดประสบการณ์ออนไลน์ครั้งใหม่ให้กับบ้านทั้งหลังของคุณ
https://thejournalistclub.com/iphone-16-leaked-apple-launch-september/