บีโอไอจีบจีนดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกลงทุนไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ จัดคณะเดินทางโรดโชว์ การลงทุน ณ มณฑลกวางตุ้ง และมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 7 – 10 เมษายน 2567

บีโอไอ โรดโชว์จีน ดึงผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกเข้ามาลงทุนตั้งฐานผลิต ต้นน้ำระดับเซลล์ในประเทศไทย เสริมสร้างความแข็งแกร่งของซัพพลายเชนอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดของประเทศ

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบ  “มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บ พลังงาน (ESS)”

ต่อมาคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (บอร์ดกองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ) ซึ่งมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริม การลงทุนตามมาตรการดังกล่าว

บีโอไอจึงเร่งจัดคณะเดินทางโรดโชว์ การลงทุน ณ มณฑลกวางตุ้ง และมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 7 – 10 เมษายน 2567 เพื่อนำมาตรการดังกล่าวไปบุกดึงการลงทุนจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและใช้เงินลงทุนสูง อีกทั้งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดให้ผู้ผลิต แบตเตอรี่ชั้นนำของโลกเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและใช้ไทยเป็นฐานการส่งออก โดยได้กำหนดเงื่อนไขในการขอรับการส่งเสริม 4 ข้อ คือ

1. ต้อง เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำที่ใช้งานโดยผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

2. ต้องเป็นการผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า แต่ทั้งนี้ สามารถผลิตเซลล์แบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานในโครงการเดียวกันด้วยก็ได้

3. ต้องผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่มีค่าพลังงานจำเพาะ ไม่น้อยกว่า 150 Wh/Kg

4. ต้องมีจำนวนรอบการอัด ประจุ (Life Cycle) ไม่น้อยกว่า 1,000 รอบ

สำหรับผู้ลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายด้าน เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น เวลาสูงสุดไม่เกิน 15 ปี ยกเว้นภาษีจากเงินปันผล ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบที่ใช้ ในการผลิตเพื่อส่งออก ลดหย่อนอากรขาเข้าไม่เกินร้อยละ 90 ของอัตราปกติสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิต เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา

นอกจากนี้ ยังจะได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนใน การลงทุน การวิจัยและพัฒนา หรือการพัฒนาบุคลากร สำหรับวิธีการให้สิทธิประโยชน์จะเป็นรูปแบบ การเจรจาเป็นรายโครงการ โดยในการเจรจา คณะกรรมการจะคำนึงถึงแผนการลงทุน ขนาดกำลังการผลิต  การเชื่อมโยงและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ระดับของเทคโนโลยี แผนการถ่ายทอดองค์ความรู้และ เทคโนโลยี การจ้างงานและการพัฒนาบุคลากร และประเด็นอื่น ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ ห่วงโซ่อุปทานและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ในการโรดโชว์ครั้งนี้ บีโอไอจะพบกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่ง ล้วนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลก อาทิ บริษัท Contemporary  Amperex Technology (CATL), China Aviation Lithium Battery (CALB), Inpow Battery Technology (IBT), Eve Energy, Gotion High-tech, Sunwoda และ SVOLT Energy Technology เพื่อนำเสนอศักยภาพ ด้านการลงทุนของประเทศไทย พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์และมาตรการสนับสนุนของรัฐ

นอกจากนี้ ยังจะพบกับบริษัท XPeng Motor ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์ ปีนี้เพื่อหารือแผนการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในระยะต่อไปด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันบีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมในกิจการที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น 103  โครงการ เงินลงทุนกว่า 77,000 ล้านบาท โดยเป็นการส่งเสริมในกิจการผลิตแบตเตอรี่ 40 โครงการ  เงินลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ เป็นแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 24 โครงการ  เงินลงทุนรวม 13,000 ล้านบาท

ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง (High-Density Battery)  สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ 16 โครงการ เงินลงทุนรวม 12,000 ล้านบาท โดยโครงการเกือบทั้งหมดเป็นการ ผลิตในขั้นโมดูลและแพ็คเท่านั้น ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะดึงบริษัทชั้นนำของโลกมาลงทุนผลิตแบตเตอรี่ ระดับเซลล์ในประเทศไทย

“โรดโชว์ครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนที่จะมุ่งเจาะกลุ่มบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับโลกจากจีน เพื่อดึงให้ เข้ามาตั้งฐานผลิตเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความเข้มแข็ง และเติมเต็มซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จะทำให้ไทยเป็น Hub ของการผลิตแบตเตอรี่และ ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร อีกทั้งยังช่วยต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดที่ต้องใช้แบตเตอรี่ใน ระบบกักเก็บพลังงานด้วย” นายนฤตม์ กล่าว