

ความพยายามของ Intel ผู้ผลิตชิปชั้นนำของโลก ที่จะกลับมาสู่ในธุรกิจ หลังได้รับผลกระทบทางธุรกิจสูญเสียการแข่งขันในคู่แข่ง โดยมี Qualcomm ผู้พัฒนาชิปสมาร์ทโฟน และ Apollo กำลังดีลครั้งประวัติศาสตร์
Intel ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเซิร์ฟเวอร์ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซานตา คลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่า เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุด ในวงการเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ที่ทำชื่อเสียงของIntel ได้แก่ ไมโคร โปรเชสเซอร์ ตระกูล x86 เช่น Pentium, Core i3, i5, i7 และ i9
นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประยุกต์ (AI) และ การประมวลผลแบบคลาวด์
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Intelในขณะนี้ คือการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่งที่มีการเติบโตอย่างสูงมากสำหรับตลาดชิปปัญญาประยุกต์ (AI) รายได้ที่ลดลงหลายไตรมาสติดต่อกันและมีแนวโน้มที่ลดลงต่อไป การประกาศแผนลดจำนวนพนักงานลวถึง 15,000 คน เพื่อพยายามลดค่าใช้จ่ายและการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน แบะการลงทุนเพื่อการฟื้นฟูสถานะของตนในเทคโนโลยีการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เผชิญกับราคาหุ้นที่ร่วงลงมากกว่า 56% นับตั้งแต่ต้นปี
หนึ่งในต้นตอปัญหาของ ก็คือ การที่ แอปเปิล เริ่มเลิกใช้ชิปของIntel และประกาศพัฒนาชิปของตนเอง ภายใต้ชื่อ Apple Silicon ตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา โดยการเปิดตัว MacBook Air, MacBook Pro และ Mac mini ใช้ชิป M1 จนถึงขณะนี้ได้พัฒนามาเป็นชิปล่าสุด คือชิป M4 ที่มีจุดเด่น มีประสิทธิภาพสูง ทรงพลังที่สุด แต่ประหยัดพลังงาน
แม้ว้าจะมีการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น ในช่วงนั้นว่า การผลิตชิปให้ แอปเปิล คิดเป็นเพียง 2-4% ของรายได้เท่านั้น แต่การเปลี่ยนไปชิป ของแอปเปิลเอง อาจกระตุ้นให้คู่แข่งอื่นๆ ประเมินการพึ่งพาIntel
ในหนึ่งในการตัดสินใจผิดพลาดที่สุดก็คือIntel ยังพลาดโอกาสในตลาดมือถือ แม้ว่าพวกเขามีโอกาสที่จะเป็นผู้จัดหาชิปให้แอปเปิล เพื่อผลิตชิปสำหรับ iPhone แต่กลับปฏิเสธและประเมินศักยภาพของสมาร์ทโฟนต่ำเกินไป ทั้งสองบริษั ทไม่สามารถตกลงกันเรื่องราคา หรือ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาได้ ในทางกลับกัน แอปเปิล เลือกใช้ชิป ของซัมซุง เมื่อ iPhone เปิดตัวในปี 2007
ท่ามกลางการประสบปัญหาทางการเงิน การเผชิญความท้าทายในการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียความได้เปรียบจากคู่แข่งขันผู้ผลิตชิปจากบริษัทอื่นๆ เช่น AMD, NVIDIA และ TSMC ทำให้ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการพยายามฟื้นฟูสถานะของตนเอง
ข่าวที่เกิดใหญ่ที่เกิดขึ้นก็คือIntel กำลังเจรจากับหลายบริษัทเพื่อความพยายามกลับเข้ามาในธุรกิจ
Qualcomm ตัวเต็งซื้อกิจการ
เริ่มจาก Qualcomm กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการของIntel การเจรจาอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นและยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด โดยประเมินการซื้อส่วนหนึ่งของธุรกิจออกแบบของ Intel โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยออกแบบพีซี ขณะที่ผู้บริหารของ Qualcomm กำลังพิจารณาพอร์ตธุรกิจทั้งหมดของIntel
แต่หากดีลนี้ประสบความสำเร็จ จะเป็นความพยายามเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในภาคเทคโนโลยี นับตั้งแต่ Broadcom ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Qualcomm มูลค่า 142,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 ซึ่งถูกประธานาธิบดีทรัมป์ขัดขวางเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ
Qualcomm ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาชิปสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน โดยเฉพาะชิปเซ็ตตระกูล Snapdragon ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่ใช้งานในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะบนแพล็ตฟอร์มแอนดรอยด์
และจะนำความเชี่ยวชาญในการผลิตชิปสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเซิร์ฟเวอร์ ของIntel มาช่วยเร่งพัศนาและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมชิปของตนเอง
อีกทั้ง Qualcomm ไม่มีโรงงานผลิตชิปของตนเอง ที่ผ่านมาใช้บริการจากผู้ผลิตชิปจากภายนอกเช่น TSMC จากไต้หวัน ซึ่งการเข้าซื้อดังกล่าวจะทำให้ต้องรับผิดชอบจากหน่วยผลิตชิป ซึ่งอาจะเป็นภาระหนักและจากต่อการบริหาร
หาก Qualcomm ซื้อIntel จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ อาจเป็นภัยคุกคามต่อบริษัทคู่แข่งอย่าง AMD, NVIDIA, และ Apple โดยเฉพาะในตลาดชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูง
แต่ดีลนี้แนวโน้มที่จะได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดในสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป Qualcomm อาจจำเป็นต้องขายบางส่วนของ Intelเพื่อขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
Apollo โผล่เจรจาลงทุน 5,000 ล้านดอลลาร์
ทางด้าน Apollo Global Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนในIntel ด้วยมูลค่าถึง 5,000 ล้านดอลลาร์
ท่ามกลางในช่วงเวลาที่Intel กำลังเผชิญความท้าทางการเงินและการสูญเสียความได้เปรียบทางเทคโนโลยี Apollo มีเป้าหมายที่จะช่วยฟื้นฟูสถานการณ์ของIntel และสนับสนุนการปรับโครงสร้างของบริษัท ด้วยการลงทุนในหุ้น ซึ่งจะช่วยให้ Intel มีเวินลงทุนเพียงพอในการปรับโครงสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
ขณะนี้การเจรจาอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น
ข่าวของการเจรจาในสองดีลนี้ ทำให้หุ้นของIntel พุ่งขึ้นมากกว่า 3% ในวันจันทร์ที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการคาดเดาเกี่ยวกับข้อตกลงกับ Qualcomm ส่งผลให้หุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 3% ในวันศุกร์ ที่ 20 กันรยายน
ปัญหาชิปของ Intel
ปัญหาของ Intel ชิป “Raptor Lake” ของIntel ในรุ่นที่ 13 และ 14ที่เผชิญกับความไม่เสถียรและการทำงานไม่คงที่ โดยมีปัญหาที่ชิพอาจทำให้เกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (blue screen) และการแครชบ่อยครั้ง สาเหตุหลักมาจากการที่ชิพได้รับแรงดันไฟฟ้ามากเกินไปในบางสถานการณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายถาวรของชิป
ซึ่งทางIntel พัฒนาอัพเดตไมโครโค้ดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงการขยายการรับประกันเพิ่มอีก 2 ปี ขณะที่มีมีแผนการลงทุนเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตของตนและการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
https://th.investing.com/news/stock-market-news/article-229656
https://www.enterpriseitpro.net/apollo-eyes-5-billion-investment-in-intel/
https://www.thairath.co.th/money/tech_innovation/tech_companies/2806716
https://thejournalistclub.com/openai-o1-chatgpt-mpressions-2024/