

“ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ” มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้จัดอันดับ 10 จังหวัดของไทย ที่มีความโดดเด่นใน 3 ด้าน ได้แก่ เกษตรกร อุตสาหกรรม และบริการ รวมถึงยังได้จัดอันดับ 10 จังหวัดที่เป็น “ที่สุดของที่สุด” สำหรับปี 68 ไว้อย่างน่าสนใจ
เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดเหล่านั้นได้มองเห็นภาพว่า ปี 68 รายได้ของตนเอง และเศรษฐกิจในจังหวัดจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็จะได้มีกำลังใจในการทำมาหากิน วางแผนปรับตัว เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้
10 จังหวัดเด่นด้านเกษตรกรรม
สำหรับ 10 จังหวัดเด่นด้านเกษตรกรรม ปัจจัยที่นำมาใช้ในการจัดอันดับ ได้แก่ ผลิตภาพแรงงานในภาคเกษตรปี 68 และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ของสินค้าเกษตรหลักแต่ละชนิดในปี 68 รวม 8สินค้า ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ทุเรียน และสุกร
ทั้งนี้ พบว่า สินค้าส่วนใหญ่ มีแนวโน้มราคาดีขึ้น และรายได้ของเกษตรดีขึ้น ยกเว้น อ้อยโรงงาน ที่มีแนวโน้มลดลงจากปีนี้ และมันสำปะหลัง ที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปีนี้เช่นเดียวกับสุกร
และผลจัดอันดับ พบว่า จังหวัดที่ได้อันดับ 1 ได้แก่ นครราชสีมา มีมันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก เพราะมีพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ และมีโรงงานแปรรูปรองรับผลผลิต
2.กระบี่ ปาล์มน้ำมันและยางพารา เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก มีอุตสาหกรรมแปรรูปครบวงจร
3.จันทบุรี ทุเรียนเป็นแรงขับเคลื่อนหลักอย่างโดดเด่น
4.นครศรีธรรมราช มียางพารา และปาล์มน้ำมันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ และมีโรงงานแปรรูปครบวงจร
5.สุราษฎร์ธานี ปาล์มน้ำมัน และยางพารา
6.ระยอง มีทุเรียน เพราะมีพันธุ์ที่มีชื่อเสียง และระบบการจัดการผลผลิตมีประสิทธิภาพ
7.เลย มียางพาราเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของเกษตรกรในการปลูกพืชเศรษฐกิจ ที่เหมาะสมกับพื้นที่สูง
8.กำแพงเพชร มีมันสำปะหลัง เพราะมีระบบชลประทานดี และมีโรงงานน้ำตาลรองรับในพื้นที่
9.อุบลราชธานี มีมันสำปะหลัง และข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ
10.เพชรบูรณ์ มีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แสดงให้เห็นถึงการเป็นแหล่งผลิตพืชอาหารสัตว์สำคัญของประเทศ
10 จังหวัดเด่นด้านอุตสาหกรรม
ส่วน 10 จังหวัดเด่นด้านอุตสาหกรรม ปัจจัยที่นำมาใช้จัดอันดับ คือ จำนวนผู้ประกอบการรวมในภาคอุตสาหกรรมปี 68 ผลิตภาพแรงงานในภาคอุตสาหกรรม และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ของแต่ละอุตสาหกรรมทั้งหมด 17 อุตสาหกรรม
ประกอบด้วย อาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบ สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ ผลิตภัณฑ์ไม้ ผลิตภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก อโลหะ โลหะและผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ยานยนต์ และเฟอร์นิเจอร์
โดยพบว่า อุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น มีเพียงยานยนต์ ที่มีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ ปิโตรเลียม มีแนวโน้มขยายตัวแบบชะลอลง
และผลจัดอันดับ มีดังนี้ 1.กรุงเทพฯ เครื่องดื่ม เคมีภัณฑ์ และปิโตรเลียมขับเคลื่อนหลัก สะท้อนการเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
2.สมุทรปราการ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกเข็มแข็งแสดงถึงการเป็นฐานผลิตเทคโนโลยีขั้นกลางถึงสูง
3.ชลบุรี เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์โดดเด่น สะท้อนความเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาคตะวันออก
4.พระนครศรีอยุธยา เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
5.สงขลา ผลิตภัณฑ์ยาง และไม้
6.สมุทรสาคร ผลิตภัณฑ์กระดาษ พลาสติก และสิ่งทอ แสดงถึงการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแรงงานเข้มข้น
7.สุราษฎร์ธานี ผลิตภัณฑ์ไม้ และอาหาร สะท้อนการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและการแปรรูปในท้องถิ่น
8.ระยอง ผลิตภัณฑ์ยาง โลหะและเครื่องจักร สะท้อนความสำเร็จของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมหนัก
9.นนทบุรี เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ไม้ และสิ่งทอ สะท้อนการเป็นฐานการผลิตสินค้าอุปโภค
10.สระบุรี อโลหะ สะท้อนความได้เปรียบด้านวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง
10 จังหวัดเด่นด้านบริการ
ขณะที่ 10 จังหวัดเด่นด้านบริการนั้น พิจารณาจาก จำนวนผู้ประกอบการในภาคบริการปี 68 ผลิตภาพแรงงานในภาคบริการ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ของธุรกิจแต่ละประเภท รวม 15 ธุรกิจ ได้แก่
1.ธุรกิจก่อสร้าง 2.ธุรกิจขายส่ง–ปลีก ซ่อม จักรยานยนต์ 3.ธุรกิจค้าส่ง4.ธุรกิจค้าปลีก 5.ธุรกิจการขนส่งทางบก สถานที่เก็บสินค้า 6.ธุรกิจขนส่งทางน้ำ และอากาศ
7.ธุรกิจที่พักแรม บริการอาหารและเครื่องดื่ม 8.ธุรกิจด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 9.ธุรกิจการเงินและประกันภัย 10.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 11.ธุรกิจวิชาชีพ วิทยาศาสตร์ และเทคนิค
12.ธุรกิจการบริหาร และการบริการสนับสนุน 13.ธุรกิจการศึกษา14.ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน 15.ธุรกิจศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ
โดยพบว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และขยายตัวในอัตราชะลอลง มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน ซึ่งธุรกิจที่ขยายตัวชะลอลง ได้แก่ ธุรกิจขายส่ง–ปลีก ซ่อม จักรยานยนต์, ธุรกิจค้าส่ง, ธุรกิจการเงินและประกันภัย, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจการบริหาร และการบริการสนับสนุน,ธุรกิจการศึกษาและธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน
และผลการจัดอันดับ เป็นดังนี้ 1.กรุงเทพฯ ธุรกิจขนส่ง ค้าปลีก และกิจกรรมวิชาชีพ เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สะท้อนการเป็นศูนย์กลางทางการค้าบริการระดับประเทศ
2.สมุทรปราการ ธุรกิจค้าส่ง และโรงพยาบาลเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
3.ชลบุรี ธุรกิจก่อสร้าง โรงพยาบาล และธุรกิจบันเทิง ผลักดันให้เป็นเมืองท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยชั้นนำของภาคตะวันออก
4.ปทุมธานี ธุรกิจบันเทิง ที่พักและร้านอาหาร รองรับการขยายตัวของชุมชนเมือง
5.นนทบุรี การก่อสร้าง เทคโนโลยีสารสนเทศ
6.เชียงใหม่ ธุรกิจขนส่ง/โลจิสติกส์ รวมทั้งที่พักร้านอาหาร สอดคล้องกับการเป็นศูนย์กลางภาคเหนือ
7.ระยอง ธุรกิจค้าปลีก และขนส่ง/โลจิสติกส์ สะท้อนการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาคตะวันออก
8.สมุทรสาคร ธุรกิจที่พักและร้านอาหาร สะท้อนการเป็นตลาดกลางอาหารทะเลสดและแปรรูป
9.นครราชสีมา ธุรกิจขนส่ง/โลจิสติกส์ สะท้อนการเป็นศูนย์กลางการค้าและขนส่งภาคอีสาน
10.นครปฐม ที่พักร้านอาหาร เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
10 จังหวัดเด่นที่สุดของที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์ฯได้นำ 10 จังหวัดเด่นในแต่ละด้านมาจัดอันดับอีกครั้ง และได้ผลลัพธ์ดังนี้
1.กรุงเทพฯ ภาคบริการ ขับเคลื่อนหลัก เพราะเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า และบริการของประเทศ โดยมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในปี 68 จากการฟื้นตัวของท่องเที่ยว การขยายตัวของ E-Commerce และบริการดิจิทัล
2.สมุทรปราการ จากภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยมีฐานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกที่แข็งแกร่ง
3.ชลบุรี ภาคอุตสาหกรรม โดดเด่นในอุตสาหกรรมเครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์
4.นนทบุรี ภาคบริการ โดยเฉพาะก่อสร้างและเทคโนโลยีสารสนเทศ
5.ปทุมธานี ภาคอุตสาหกรรม ควบคู่กับภาคบริการ จากธุรกิจบันเทิง ที่พักและร้านอาหาร
6.ระยอง ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาง โลหะ และเครื่องจักร
7.สมุทรสาคร ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กระดาษ พลาสติก และสิ่งทอ
8.พระนครศรีอยุธยา ภาคอุตสาหกรรม โดดเด่นในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร
9.ฉะเชิงเทรา ภาคอุตสาหกรรม ได้รับประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการเชื่อมโยงกับฐานการผลิตในภาคตะวันออก
10.ปราจีนบุรี ภาคอุตสาหกรรม โดยมีการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและการลงทุนในภาคการผลิต จึงควรผลักดันให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ EEC
จากผลการวิเคราะห์ พบว่า แนวโน้มการเติบโตปี 68 แสดงให้เห็นภาพของการขยายตัวที่แข็งแกร่งในหลายด้าน ได้แก่ ภาคบริการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว E-Commerce และบริการดิจิทัล
ภาคอุตสาหกรรมเติบโตจากอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้า และภาคเกษตรได้แรงหนุนจากราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาช่องว่างของคะแนนระหว่างจังหวัด พบความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มจังหวัดในอันดับต้น (คะแนน 80-100) และกลุ่มอันดับท้าย (คะแนน 40-70) สะท้อนว่า ยังมีความท้าทายในการพัฒนาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่อีกมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม ปี 67 เชิดชูเกียรติ 41 องค์กรต้นแบบทั่วประเทศ