กรมควบคุมโรค ห่วงสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ไม่ควรออกจากบ้าน
- ค่าฝุ่นยังคงเกินค่ามาตรฐานในระดับสีแดงหลายพื้นที่
- เช็กค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้าน
- สวมหน้ากากชนิดที่ป้องกันฝุ่นได้
นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีประชาชนจำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้กลิ่นเหม็นไหม้ และพบว่ามีหมอกควันปกคลุมในหลายพื้นที่ นั้น จากข้อมูลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 23.00 – 06.00 น. ของวันที่ 20-21 มีนาคม 2567 พบ 39 พื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงภาคกลาง มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ โดยพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงสุด คือ เขตลาดกระบัง 195.6 มคก./ลบ.ม. รองลงมา คือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 138.8 มคก./ลบ.ม. เขตวังทองหลาง 130.0 มคก./ลบ.ม.
เขตจตุจักรและเขตลาดพร้าว 117.2 มคก./ลบ.ม. เขตธนบุรี 113.7 มคก./ลบ.ม. เขตหลักสี่ 110.9 มคก./ลบ.ม. เขตดอนเมือง 110.3 มคก./ลบ.ม. อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 101.1 มคก./ลบ.ม. สถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองคอ ไอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ใจสั่น ระคายเคืองตา หรือเป็นผื่นคันตามร่างกาย และผู้ที่สัมผัสฝุ่นอย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง คือ กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะมีอาการผิดปกติเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไป
นายแพทย์วีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังสถานการณ์การเจ็บป่วยที่อาจเกี่ยวเนื่องจากการได้รับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็กใน 4 กลุ่มโรคดังกล่าว พบว่าระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 20 มีนาคม 2567 อัตราป่วยทั้งหมด 977 รายต่อประชากรแสนคน โดยอัตราป่วยสูงสุด คือ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 493 รายต่อประชากรแสนคน รองลงมา คือ กลุ่มโรคตาอักเสบ 395 รายต่อประชากรแสนคน กลุ่มโรคทางเดินหายใจ 12 รายต่อประชากรแสนคน และโรคหัวใจและหลอดเลือด 4 รายต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป อัตราป่วย 4,564 รายต่อประชากรแสนคน รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 50-59 ปี อัตราป่วย 3,230 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 50-54 ปี อัตราป่วย 2,528 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 45-49 ปี อัตราป่วย 1,952 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 40-44 ปี อัตราป่วย 1,497 รายต่อประชากรแสนคน อายุ 5-9 ปี อัตราป่วย 1,415 รายต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน ขอให้ประชาชน 1.ปิดบ้านให้มิดชิด โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้ป่วยพักอาศัยอยู่ เพื่อป้องกันฝุ่น 2.เมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้านให้ตรวจเช็กค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน air4thai หรือ “เช็คฝุ่น” หากค่าฝุ่นเกิน 37.5 mg/m3 ให้สวมหน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่นและใช้เวลาอยู่ภายนอกสั้นๆ ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง 3.หากค่าฝุ่นมากกว่า 75.0 mg/m3 ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค ไม่ควรออกจากบ้านเพราะมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงขึ้น 4.หากประชาชนมีอาการผิดปกติ ให้รีบกลับเข้าสู่ที่พักที่ปลอดฝุ่น และรีบปรึกษาแพทย์ทันที