

- มุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ของทั้ง 2 บริษัท
- ตั้งเป้าติดตั้งให้ครบทั้ง 30,000 แห่ง ภายใน 3-5 ปี
- ด้าน GULF ประกาศตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้เกิน 30% ของกำลังการผลิตภายในปี 73
- เผยหากโครงการนี้แล้วเสร็จ AIS จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- ที่กว่า 56,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเนทเวิร์ค จำกัด ในเครือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ AIS ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง(Memorandum of Understanding) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพี่อร่วมวางแผนพัฒนาโครงการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับสถานีฐานและเสาส่งสัญญาณเครือข่าย AIS ทั่วประเทศ
โดยตั้งเป้าติดตั้งให้ครบทั้ง 30,000 แห่ง ภายใน 3-5 ปี ซึ่งคิดเป็นกำลังผลิตติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์รวมทั้งสิ้นกว่า 100 เมกะวัตต์ ตอบโจทย์เป้าหมายพัฒนาสู่ความยั่งยืนของทั้ง AIS และ GULF อีกทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้กับทั้งสองกลุ่มบริษัทอีกด้วย
นายกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี AIS กล่าวว่า สำหรับ AIS นโยบายการพัฒนาด้านความยั่งยืนเป็นภารกิจของทุกคนในองค์กรที่มีส่วนร่วมภายใต้บทบาทความรับผิดชอบในแต่ละส่วนงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการโครงข่ายและบริการดิจิทัลที่เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าทุกกลุ่ม
พร้อมกันนี้ AIS เองก็ยังยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ (Economy) การสร้างดิจิทัลเพื่อสังคม (Social) หรือแม้แต่การยืนหยัดเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment) ซึ่งบริษัทฯ มีแผนการทำงานที่ชัดเจนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การติดตั้งอุปกรณ์สถานีฐานที่สามารถใช้งานร่วมกันได้หลายเทคโนโลยีทั้ง 3G 4G 5G และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าขยายระบบ Virtual Machine Server ที่ช่วยประหยัดพลังงาน

รวมถึงการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้กับ GULF ที่มีความพร้อมด้านธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเราในการวางแผนการเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกให้ได้มากที่สุด ด้วยการ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บริเวณสถานีฐาน ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และชุมสายสถานีฐาน
“ที่ผ่านมา AIS ได้ดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์บนสถานีฐาน ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์และอาคารชุมสายไปแล้ว5,561 สถานี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 8,139 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) และจากความร่วมมือครั้งนี้เรามีแผนที่จะติดตั้งให้ครบทั้ง 30,000 สถานี ภายใน 3-5 ปี อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการหาพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแหล่งอื่น นอกเหนือจากโครงการโซลาร์สถานีฐาน เพื่อเร่งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เกิดขึ้นตามแผนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ AIS ต่อไป” นายกิตติ กล่าว

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า GULF เล็งเห็นถึงบทบาทอันสำคัญของพลังงานหมุนเวียนในการขับเคลื่อนสังคมที่ยั่งยืนในอนาคต จึงได้ประกาศนโยบายไม่ลงทุนถ่านหิน (No Coal Policy) อีกทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้เกิน 30% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวมภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030)
ทั้งนี้ ปัจจุบัน GULF ได้ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศแล้วทั้งสิ้นกว่า 1,000 เมกะวัตต์และยังคงเพิ่มการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
“การลงนามความร่วมมือระหว่าง GULF และ AIS ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองบริษัทจะประสานความร่วมมือด้านพลังงานโดย GULF จะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยวางแผนโครงการให้กับ AIS โดยรูปแบบโครงการจะรวมไปถึงสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Private PPA) ซึ่ง GULF เป็นผู้ผลิต และ AIS เป็นผู้รับซื้อพลังงานสะอาดแทนการลงทุนเอง เพื่อให้ AIS ได้ใช้ทั้งพลังงานสะอาดและลดต้นทุนค่าพลังงาน ซึ่งนับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและตอบโจทย์ความยั่งยืนให้กับทั้งสองบริษัท” นางสาวยุพาพิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ AIS จะมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เฉพาะจากโครงการนี้กว่า 100 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 56,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า(tCO2e) ต่อปี ขณะที่ GULF สามารถขยายกำลังการผลิตพลังงานสะอาดจากโครงการดังกล่าวด้วยเช่นกัน