GPSC ทุ่ม 2.5 พันล้าน เพิ่มทุนใน Avaada Energy รองรับการขยายธุรกิจ รุกตลาดพลังงานสะอาดในอินเดีย



  • พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
  • หลังชนะการประมูลเพิ่ม1,181เมกะวัตต์รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอินเดียพุ่ง
  • ก้าวสู่เป้าหมายของGPSCในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า50%ภายในปี73

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชนหรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตทเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เม.. 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติเพิ่มทุนวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ในบริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (Avaada Energy Private Limited) ซึ่งอยู่ในกลุ่มอวาด้า (Avaada Group) ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำในประเทศอินเดีย ซึ่ง GPSC ถือหุ้นในสัดส่วน 42.93% ผ่านบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) เพื่อนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปรีไฟแนนซ์ และลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ Avaada Group ตามแผนการขยายกำลังการผลิตในประเทศอินเดีย

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Avaada Energy ได้รับชัยชนะในการประมูลโครงการติดตั้งโซลาร์ไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีระบบการเชื่อมต่อ กับ ISTS ขนาด กำลังการผลิต 421 เมกะวัตต์(DC) ของ REC Power Development and Consultancy’s (RECPDCL)  และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 560 เมกะวัตต์ (DC) ซึ่งเปิดประมูลโดย Maharashtra State Electricity Distribution หรือMSEDCL 

โดยล่าสุดยังประสบความสำเร็จในการชนะการประมูลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโครงการเป็นโครงการที่3ขนาด200เมกะวัตต์(DC)ซึ่งเปิดประมูลโดยGujarat Urja Vikas Nigam Ltd.หรือGUVNLนับเป็นการชนะประมูลด้วยการเสนอราคาในรูปแบบe-Reverse auctionที่2.75รูปีอินเดีย/กิโลวัตต์ชั่วโมง(~0.033ดอลลาร์สหรัฐฯ)ซึ่งจะลงนามซื้อขายไฟฟ้าหรือPPAที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา25ปีและดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จภายใน18เดือน

ทั้งนี้ คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 370 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อย CO2 เทียบเท่าได้ประมาณ344,470 ตันต่อปี ทำให้ในเดือนเมษายนนี้ Avaada Energy ชนะการประมูลรวมทั้งสิ้นจำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1,181 เมกะวัตต์ นับเป็นการมุ่งสู่เป้าหมายของ GPSC ในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯให้มากกว่า 50% ภายในปี .. 2573 พร้อมลด Carbon Intensity จากการพัฒนาพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัญหาระดับสากล อีกทั้งยังสามารถนำความรู้และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ มาใช้ในการต่อยอดพัฒนาโครงการในประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น