

ภายหลัง รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นที่เรียบร้อย เท่ากับเข้าสู่โหมดบริหารราชแผ่นดินอย่างเป็นทางการ นายกฯนำทีมคณะรัฐมนตรีเข้าฐานบัญชาการทำเนียบรัฐบาล ซึ่งขณะนี้รัฐบาลดำเนินการอยู่หลายเรื่อง หลายประเด็นร้อนๆทั้งนั้น ฉะนั้น วันนี้จึงจะพาไปเกาะติดภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่กำลังทำอยู่
แน่นอนที่สุด จากการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เป้าหมายคือการดูแลปัญหาปากท้องของประชาชน ท่ามกลางการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรง และอยู่ในภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้นแต่ตรงกันข้ามกับรายได้ที่มีแต่คงที่หรือไม่ก็ตกงานไม่มีรายได้
ดีเดย์ 25 ก.ย.เงินสดเข้ากลุ่มเปราะบาง
หนทางเยียวยาฉับพลันทันด่วน คือ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจก1หมื่นบาท แต่ด้วยค่ายกลข้อกฎหมายและเงื่อนปมต่างๆ ทำให้โครงการดังกล่าวเดินเซเหมือนคนเมา เดินถอยหน้า-ถอยหลัง ทำให้ประชาชนปวดหัว
แต่ก็เอาเถอะ พุธที่ 25 ก.ย.นี้แล้ว “กลุ่มเปราะบาง” ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการ จะได้รับ “เงินสด” 1 หมื่นบาท เป็นกลุ่มแรก เมื่อเข้าสู่บัญชีธนาคารแล้ว สามารถถอนไปจับจ่ายใช้สอยอะไรก็ได้ ไม่จำกัดประเภท ซึ่งรัฐบาลหวังว่าจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ มีงบประมาณหมุนในระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น

ส่วนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศว่าจะดำเนินการในกรอบเดือนตุลาคมนี้ให้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ไปแล้ว ต้องนั่งรอขบวนขันหมากต่ออย่างไม่มีกำหนด เพราะรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนทั้งกำหนดการให้และรูปแบบเงินจะเป็นอย่างไร
สถานการณ์เวลานี้ “ทุกคน” ต่างต้องรักษาสิทธิ์ เพราะหากสละสิทธิ์ สุดท้ายบ้านปลายอย่างไรเสียก็ต้องรับชดใช้หนี้ให้กับคนทั้งประเทศอยู่ดี และที่น่าห่วงกว่านั้น คือ นโยบายประชานิยมลักษณะนี้ นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นและน่ากลัว เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดคิดจะห้าม มีแต่กระโดดลงมาเล่นประชานิยมทั้งนั้น ดังนั้น จึงรัฐบาล “พรรคเพื่อไทย” จึงต้องหางบประมาณมาอุดหนุนโครงการนี้ให้ได้ เพื่อพิสูจน์คำขวัญที่ว่า “เพื่อไทย คิดใหญ่ทำเป็น” อย่างที่เคยโฆษณาหาเสียงไว้
ในทางตรงกันข้าม ถ้าล้มเหลวไม่เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้แล้วละก็ การเลือกตั้งครั้งหน้า “พรรคเพื่อไทย” ที่นำโดย “อิ๊งค์” แพทองธาร ประชาชนจะไม่หลงเชื่อ หลงเลือกอีก เพราะเขาจะมองว่าคำพูดของคนพรรคนี้ไม่มีน้ำหนัก โกหก ไร้สัจจะ นี่ยังไม่นับว่าจะโดนพายุหมุนทางการเมืองที่หักหลังชาวบ้านแล้วไปจับมือดึงพรรคคู่อริอย่าง “ประชาธิปัตย์” เข้าร่วมรัฐบาลอีก มีหวังเละเป็นโจ๊ก
ภารกิจเยียวยาน้ำท่วม พิสูจน์ฝีมือเอาอยู่
ยังคงอยู่ที่การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขราษฎร ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนในตระดูลชินวัตรขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อใด “น้องน้ำ” เข้ามาท้าทายฝีมือของคนครอบครัวนี้ตลอด ปี47สมัยรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” เกิดมหาวิปโยคสึนามิที่ทะเลฝั่งอันดามัน ปี52 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดน้ำท่วมใหญ่ประเทศ และปีนี้ ปี67 แม้จะยังไม่ท่วมใหญ่ แต่ไทยต้องประสบพายุหลายลูกเกิดอุทกภัยในหลายพื้นทางตอนเหนือและอีสานของประเทศ
ในความโชคร้ายของ “แพทองธาร” ยังมีความโชคดีอยู่เล็กๆ ที่เหล่ากุนซือล้วนเป็นคนของคุณพ่อ คุณอา ที่ก่อนหน้านี้เคยเผชิญกับวิกฤตน้ำในรูปแบบต่างๆมาแล้ว จึงมีการถอดบทเรียน รับมือและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมปีนี้ได้อย่างทันถ่วงที

นอกจากนี้ยังมีฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งแต่เล่นการเมืองเพียงอย่างเดียว การอภิปรายในสภาของ “ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ต่อเรื่องนี้ที่เพิ่งผ่านมา ยังเป็นในแนวหาช่องว่างแล้วแนะนำ จะเรียกว่าเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์คงไม่ผิดอะไร
โดยที่ประชุมครม.มีมติไม่เก็บค่าน้ำค่าไฟ จ่ายเงินเยียวยา 5-9 พันบาท อีกทั้งเยียวยากรณีค่าซ่อมแซมบ้านเสียหายทั้งหลังให้ 2.3 แสนบาท ในส่วนของ “เท้ง”ณัฐพงศ์ เพิ่มเติมอยากให้รัฐบาลพิจารณาการพักชำระเงินกู้ และเงินกู้ดอกเบี้ย0%ด้วย คงต้องติดตามกันต่อว่าครม.จะมีความเคลื่อนไหวแบ่งเบาภาระประชาชนอะไรอีกหรือไม่ อย่างไร
ต่อที่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ400 บาท เรื่องนี้เริ่มเป็นที่สนใจ เพราะการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ค่าจ้าง) ล่มแล้ว ล่มอีก และมีแนวโน้มว่าจะล่มต่อ เพราะเป็นนโยบายที่ถูกคัดค้านมากที่สุดตั้งแต่หาเสียง ภาคธุรกิจทั้งสมาคมและผู้ค้าต่างร้องยี้ เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนในการประกอบธุรกิจในเศรษฐกิจซบเซาและประชาชนจับจ่ายเท่าเดิม สะท้อนให้เห็นว่านโยบายนี้ของรัฐบาล ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีจริงเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา หรือถ้ารัฐบาลต้องการดึงดันทำต่อ อาจต้องหาเงินมาอุดหนุนนายจ้าง
คิวต.ค.รื้อรัฐธรรมนูญ
ภารกิจของรัฐบาลในช่วงนี้ ยังมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 รายมาตรา เกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมที่กำหนดไว้ว่ารัฐมนตรี ต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งข้อกำหนดนี้ออกฤทธิ์ทำให้รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ล้มมาแล้ว แถมยังเป็นการสแกนป้องกันนักการเมืองเทาๆ กลับสู่ถนนการเมือง
ทว่า ในสภาฯทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมองว่าจริยธรรมลักษณะนี้ก่อให้เกิด “นิติสงคราม” เกิดนักร้อง(เรียน)รายวัน ทำตัวเป็นกรวดในรองเท้าของเหล่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉะนั้น เห็นตรงกันสมควรแก้ไข!!! เพื่อรัฐบาลจะได้มีเสถียรภาพแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติต่อไป!!
ประเด็นดังกล่าว “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา วางกรอบจะเรียกประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาแก้ไขหรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เกินกลางเดือนต.ค.นี้
กล่าวโดยสรุป “แต่ละมื้อ แต่ละ Day ฉันละปวด Head กลุ้ม Heart” อธิบายสถานการณ์รัฐบาลตอนนี้ได้ดีที่สุด.
เรื่องโดย : เอสเปรสโซ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘นายกฯ แพทองธาร แถลง “ เราคือผู้แทนของประชาชน จะทำงานแข่งกับเวลาทุกวินาที สร้างโอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุด”