“GMM Music” แรงไม่หยุด! ปิดดีลค่ายเพลงระดับโลก “Warner Music Asia”

GMM Music


GMM Music เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ประกาศความร่วมมือการลงทุนเชิงกลยุทธ์กับ “วอร์นเนอร์ มิวสิค เอเชีย” (Warner Music Asia – WMA) 1 ใน 3 ผู้นำอุตสาหกรรมเพลงระดับโลกร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ ต่อจากดีลของ TENCENT ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มชั้นนำจากประเทศจีน

และ TME ผู้นำธุรกิจดนตรีและความบันเทิงในเครือของเทนเซ็นต์ เมื่อไม่นานมานี้

ตอกย้ำมูลค่าบริษัทของ GMM Music ในปัจจุบันที่สูงกว่า 25,000 ล้านบาท โดย WMA จะร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทด้วยเงินสด 370 ล้านบาทและจ่ายเงินประกันขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) ที่ 315 ล้านบาท เพื่อเร่งอัตราการเติบโตของบริษัทฯ และอุตสาหกรรมเพลงไทย

ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมร่วมกันขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในระดับโลก

ทั้งยังร่วมลงทุนตั้งค่ายเพลงใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมเพลงไทยให้สร้างมูลค่าตลาดที่สูงขึ้น โดยใช้ระบบการจัดจำหน่ายชั้นสูงจากกลุ่ม Warner (ADA) ตลอดจนร่วมผลักดันแผน Spin-off เพื่อเดินหน้าเสนอขาย IPO ของ GMM Music

โดยบริษัทตั้งเป้าสร้างกำไรสุทธิให้เติบโตขึ้นอีกเท่าตัวภายในปี 2030 ตอบรับช่วงขาขึ้นของอุตสาหกรรมดนตรีที่กำลังเข้าสู่ยุค Music Second Wave

  • ช่วยยกระดับวงการเพลงไทย

ด้านนายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น

และล่าสุดเรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้การตอบรับจากพันธมิตรยักษ์ใหญ่รายที่ 4 ในการเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์อย่าง Warner Music Asia (WMA) หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่แห่งอุตสาหกรรมเพลงของโลกจากสหรัฐอเมริกา

ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำความสนใจที่มีต่ออุตสาหกรรมเพลงไทยในฐานะประเทศที่มีตลาดเพลงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวยังสะท้อนการปลดล็อคมูลค่าบริษัทของ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ที่มูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท (Unlock Value) และช่วยยกระดับวงการเพลงไทยในแง่ของการยกระดับคุณภาพการผลิต (Uplift Quality)

อีกทั้งขยายตลาดสู่ระดับสากล ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกได้เติบโตรวมมากกว่า 100% ตลอดระยะเวลา 8 ปีนับจากปี 2015 – 2023 ซึ่งเป็นการเติบโตที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Music Second Wave Boom) โดยมีการคาดการณ์ว่าต่อจากนี้อีก 6 ปีอุตสาหกรรมเพลงจะเติบโตเพิ่มกว่า 100% อีกครั้งภายในปี 2030

  • ตลาดเพลงเอเชียโต 15%

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาตลาดเพลงในภูมิภาคเอเชียมีอัตราการเติบโต 15% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตในตลาดโลกซึ่งมีการเติบโตที่ 10% (อ้างอิงการวิจัย Music in the Air จาก Goldman Sachs) โดย จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในฐานะบริษัทฯ ที่มีความแข็งแรงด้านคลังทรัพย์สินทางดนตรี (Music IP Assets) ที่ได้สั่งสมและมีการพัฒนาต่อยอดมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี

ผนวกกับการมี Music Infrastructure ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในไทย ในปี 2023 ที่ผ่านมาเรามียอดรายรับที่ 3,914 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27% และมีกำไรสุทธิปิดตัวที่ 402 ล้านบาท เติบโตขึ้น 32%

เราสามารถขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการสร้างการเจริญเติบโตผ่าน Digital Business (การบริหารจัดการหารายได้ผ่าน Video และ Audio Music Streaming) ซึ่งเป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ

“ในปี 2023 ยอดการรับชมรับฟังเพลงของ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค มียอด Stream สะสมทะลุกว่า 100,000 ล้าน Stream ใน Digital Streaming นับเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตของรายได้เป็น New High ในปีที่ผ่านมา

ซึ่งการเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ WMA ในครั้งนี้จะยิ่งส่งผลบวกให้การสร้างรายได้ที่เติบโตของ Music IP ของ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในธุรกิจ Digital Business อย่างมีนัยสำคัญ

  • ตอกย้ำเพลงไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น

ด้าน นายฟ้าใหม่ ดํารงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิค เผยว่า “ารเข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวคือ การตอกย้ำความมั่นใจในอุตสาหกรรมเพลงไทยที่ทะยานสู่ช่วงขาขึ้น สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเพลงของโลก โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ WMA ในบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ในครั้งนี้

สำหรับ กำหนดข้อตกลงที่จะมุ่งเน้นการขยายตลาดเพลงไทยสู่ตลาดโลก เพื่อต่อยอดมูลค่าของ Music IP Assets ของไทยโดยอาศัยศักยภาพของ WMA ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลก ขยายการรับรู้ของเพลงไทย และศิลปินไทยสู่ฐานผู้ฟังที่ใหญ่ขึ้นทั่วโลก ผ่านแพลตฟอร์ม Digital Streaming อย่าง Spotify และ Apple Music ซึ่งมียอดการใช้งานเติบโตมากที่สุด

โดยเติบโตสูงถึง 86% และ 54% ตามลำดับในปีที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวบริษัทฯจะได้ประโยชน์จากระบบการจัดจำหน่ายชั้นสูง คือ Global Distribution จากกลุ่ม Warner (ADA) ที่สามารถสร้างรายได้ให้สูงขึ้นจากตลาดโลก และรักษาเสถียรภาพของรายได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีการร่วมกันขยายธุรกิจบริหารศิลปิน และพัฒนาผลงานเพลงใหม่ ๆ ของศิลปินจากทั้งสองฝ่าย ภายใต้เครือข่ายการบริหารศิลปินทั่วโลกของกลุ่ม Warner

  • ตั้งค่ายเพลงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตร่วมกัน

สำหรับการลงทุนในเชิงกลยุทธ์นี้ ทั้งสองบริษัทยังจะลงทุนร่วมแบบ Joint-Venture Operation ในการจัดตั้งค่ายเพลงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตร่วมกัน ซึ่งจะมีการพัฒนาศิลปินและเพลงใหม่ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น แลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ และการเข้าถึงทรัพยากรด้านการผลิตระดับแนวหน้าของโลก

เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลงานและตลาดเพลงไทย อีกทั้ง WMA ยังตกลงจ่าย Minimum Guarantee ที่ 315 ล้านบาท ต่อยอดมูลค่าของ Music IP Assets ให้ GMM Music เพื่อสร้างการเจริญเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีข้างหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : GMM MUSIC คาดการณ์รายได้จะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในปี 2573

: เว็บ GMM Music