ททท. ปี’68 เร่งรายได้โตแซง GDP 1.7 เท่าดัน 13 ประเทศพุ่ง 1 ล้านคน/ปี

ททท.
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกพันธมิตรทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนแผนการท่องเที่ยวปีงบประมาณ 2568 จะทำให้เติบโตสูงกว่าจีดีพีประเทศ 1.7 เท่า


ก.ท่องเที่ยว สั่ง ททท. เดินหน้าแผนตลาดปี’68 ชู 3 เป้าหมายทำรายได้โตแซงหน้าจีดีพี 1.7 เท่าขานรับปี Amazing Thailand Grand Year2025 โหมขาย “เสน่ห์ไทย-55เมืองน่าเที่ยว” ดันทัวร์โลก 13 ตลาดโตปีละ 1 ล้านคน/ประเทศ

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มอบนโยบายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำเสนอแผนการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวปีงบประมาณ 2568 ให้สอดคล้องตามรัฐบาลตั้งเป้าใช้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็น 1 ใน 8 เสาหลัก ตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND’S TOURISM ต้องทำบรรลุ 3 เป้าหมาย

คือ เป้าหมายที่ 1 ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืน เป้าหมายที่ 2 ให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง มีระยะพำนักนาน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เป้าหมายที่ 3 ยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Shape Supply) ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และผลักดันเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน ส่งเสริม 55 เมืองน่าเที่ยว โดยกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุล

TAT
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ปี 2568 ประกาศทำปีท่องเที่ยว “Amazing Thailand Grand Tourism Year” ขานรับนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ควบคู่กับ 3 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 กระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand) แนวทางที่ 2 ยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สร้างมาตรฐาน พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ โดยทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนแบบ 360 องศา (Partnership 360o) แนวทางที่ 3 เดินหน้าสู่ความยั่งยืน ใช้ท่องเที่ยวทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 3.4 ล้านล้านบาท สร้างเศรษฐกิจเติบโตเพิ่มขึ้น 7.5 % สูงกว่าการเติบโตของจีดีพีไทยถึง 1.7 เท่า จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคน และคนเที่ยวในประเทศ 205 ล้านคน -ครั้ง

ปี 2568 จะไฮไลต์จุดขายโปรดักซ์ท่องเที่ยว 2 ส่วน คือ “เสน่ห์ไทย” และ “เมืองน่าเที่ยว” เชื่อมโยงกับแนวคิด 5 Must Do in Thailand ของรัฐบาล ประกอบด้วย 1Must Taste อาหารไทยบอกเล่าที่มาความอร่อยและวิถีการกินของคนแต่ละภาค 2Must Try มวยไทยและเรื่องราวศิลปะการต่อสู้ยอดนิยมของคนทั่วโลก 3Must Buy แฟชั่น ผ้าไทย และงานฝีมือ งานคราฟต์ที่เล่าเรื่องราวชีวิต การสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจของคนไทย 4Must Seek สถานที่ท่องเที่ยวเที่ยวใหม่ๆ หรือมุมมองและเรื่องราวใหม่ๆ 5Must See เทศกาลงานประเพณี ที่สะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อของคนแต่ละท้องถิ่นทั่วไทย

พัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว
ททท.นำผู้เชี่ยวชาญนานาชาติติวเข้มผู้ประกอบการไทยพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวเน้นความยั่งยืน

โดยจะยกระดับ “เมืองน่าเที่ยว” กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ด้วยกลยุทธ์ซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง พัฒนาเมืองต่างๆ เติบโตเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ค้นหาจุดขาย พลิกมุมมอง บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยในแต่ละพื้นที่ หมุนเวียนกันไปจากเมืองสู่เมือง จากภาคสู่ภาค ทำให้ไฮซีซันตลอดทั้งปี

ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า กลยุทธ์การทำ “ตลาดในประเทศ” จะเร่งเครื่องโครงการ “ไทยเที่ยวไทย” ทำให้เกิดการเดินทางทันที เพิ่มความถี่ กระตุ้นการใช้จ่าย ดึงกลุ่มศักยภาพซึ่งเป็นคนไทยเที่ยวนอกหันกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น

โดยใช้ แคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” ผสมผสานเข้ากับการจัดกิจกรรมบิ๊กอีเวนต์ อีเวนต์ท้องถิ่น ทั้งประเพณี ดนตรีและกีฬา ใช้จุดเด่นในเซกเมนท์วัฒนธรรมย่อยหรือ Sub-culture ผนวกอัตลักษณ์แต่ละพื้นที่ด้วยธีมการขายโดดเด่น คือ

  • ภาคเหนือชวนสัมผัส Season of the North เสน่ห์วันวานเมืองเหนือที่ผสานความสร้างสรรค์และความยั่งยืนอย่างลงตัว ผ่านอาหาร งานคราฟท์ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดประสบการณ์อาหารถิ่นผ่านการท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Gastronomy Tourism นำเสนอความม่วนคักและสนุกสนานด้วยเทศกาลประเพณีที่บ่งบอกชีวิตผู้คน
  • ภาคกลาง พื้นที่ลุ่มแม่น้ำมาพร้อมความสุขอันเรียบง่าย บอเล่าผ่านเรื่องราวมรดกศิลปวัฒนธรรม ศรัทธาและอาหาร
  • ภาคตะวันออก สีสันตะวันออก Colorful Burapha เมืองแห่งกีฬากิจกรรมกลางแจ้ง แล้วยังสามารถอิ่มอร่อยกับพืชผัก ผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่ ได้ตลอดทุกวัน
  • ภาคใต้ GO SOUTH ชวนนักท่องเที่ยวออกไปใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ เดินทางแบบเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellcation) และเที่ยวแบบทำให้คาร์บอนเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ดื่มด่ำธรรมชาติสองฝั่งทะเล
เที่ยวบิน
ททท.ตลาดระยะไกล 4 ทวีปขยายผลกลยุทธ์ Airlines Focus และ MOVE จับมือสายการบินทั่วโลกเพิ่มความจำนวนที่นั่ง ความถี่ เส้นทางใหม่ เข้าเมืองไทยปี 2568

ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” มุ่งผลักดันทั่วโลกที่ดินทางมาไทย 23 ตลาด ปี 2567 สร้างรายได้มากกว่า 80% ปี 2568 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวประเทศละ 7 หลัก (digits) หรือ 1 ล้านคน ให้ได้ถึง 13 ตลาด โดยจะผนึกกับพันธมิตรเพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเข้าไทย เพิ่มให้ได้ครบ 1.เที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน 2.เส้นทางบินใหม่ และ 3.ขยายระยะเวลาการบิน ทั้งเที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำบินตรงเสริมใน 55 เมืองน่าเที่ยว สื่อสารการตลาดผ่านซีรีย์ยอดนิยม ภาพยนตร์และมิวสิควิดีโอที่ถ่ายทำในไทยขยายฐานกลุ่มแฟนดอม (Fandom) เลือกมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องปี 2568

เริ่มจาก “ตลาดระยะใกล้ ใช้ 2 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวที่ 1 เจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่อายุน้อยลงอย่างกลุ่ม New Gen สร้างภาพลักษณ์ใหม่ไทยในใจนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง แนวที่ 2 กระตุ้นความถี่และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว Sub-segment ศักยภาพ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มมิลเลนเนียล และครอบครัว 2.กลุ่มผู้มีรายได้สูงอย่างช้อปปิ้งมาเนียในตลาดอาเซียน 3.กลุ่มขับรถเที่ยวและเที่ยวทางรถไฟจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน

ปี 2568 ททท. จะเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ทำกิจกรรมระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ธุรกิจกับธุรกิจ ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เช่น จัดเดือนหนีห่าวเชิญอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกมาไทย

นักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย
ททท.นำเสนอนโยบายรัฐบาลไทยเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะจีน อินเดีย จะทำให้ไทยเติบโตทั้งจำนวนและรายได้เพิ่มขึ้นตลอดปี 2568

ทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร สร้างกิจกรรม Chinese Passport Special Deals กระตุ้นการเดินทาง เพิ่มค่าใช้จ่ายและวันพักตามพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองจีนเที่ยวไทย

ตลาดระยะไกลได้แก่ ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา เจาะกลุ่มคุณภาพและฟื้นความจุและความถี่เที่ยวบิน เช่น กลุ่มตอนกลางของสหรัฐอเมริกา รุกเจาะ 3 เป้าหมาย ได้แก่

  • เป้าหมายที่ 1 เจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มเดินทางครั้งแรกในตลาดสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ยุโรปตะวันตกและบอลข่าน ฝรั่งเศส โมนาโค เบเนลักซ์
  • เป้าหมายที่ 2 กลุ่ม New Gen ในอเมริกาและแคนาดาที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวยั่งยืน กลุ่ม Gen-Z เน้นประสบการณ์ให้ความหมายกับชีวิต กลุ่มมิลเลนเนียลส์ชื่นชอบเจาะลึกวัฒนธรรมท้องถิ่น และ Active Outdoor Experience และกลุ่ม Asian American ตลาดที่เติบโตรวดเร็วและมีศักยภาพใช้เงินสูง
  • เป้าหมายที่ 3 กลุ่มไลฟ์สไตล์ที่ใช้จ่ายสูง เช่น กลุ่มครอบครัวที่ไม่มีลูก DINKs (Double Income, No Kids) และหลากหลายทางเพศ LGBTQIAN และกลุ่มลักชัวรี่แถบอาหรับ 6 ประเทศ

ททท.วางแผนใช้ แคมเปญ Amazing Thailand : Your Stories Never End ขับเคลื่อนตลาดต่างประเทศ เพื่อชวนมาร่วมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำในเมืองไทย ค้นพบมุมมองใหม่ มีเรื่องราวแห่งความประทับใจ พร้อมคุณค่าและความหมาย แล้วบอกต่อเรื่องราวเพื่อเดินทางซ้ำ ๆ ไม่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกมาไทยเป็นครั้งแรกเสมอ

รวมทั้งจะใช้ “ความยั่งยืน” เป็นกุญแจความสำเร็จและภูมิคุ้มกันระยะยาวให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยจะเดินหน้าทำโครงการต่อเนื่อง ควบคู่การพัฒนาแบรนด์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นำท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ความยั่งยืนบนรากฐานเสน่ห์ไทย พัฒนาซัพพลายเชนเชื่อมต่อเข้ากับกระบวนการการตลาดผ่านไฮไลต์ 4 โครงการ ได้แก่ 1.STGs STAR 2.CF Hotels 3.รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards นำผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการขายเต็มรูปแบบทั้งตลาดในและต่างประเทศ และก้าวสู่ตลาดโลกโดยมีรางวัลและมาตรฐานสากลการันตี

เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ก.ท่องเที่ยวลุ้นเดือน 7 MV ลิซ่า ดันจีนเที่ยวไทยโต 2 หลัก