คณะกรรมการนโยบายการเงิน ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้ตัดสินใจลดอัตรา ดอกเบี้ย เงินกู้ข้ามคืนลง 0.5% หรือ 50 จุดพื้นฐาน ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัว และ ตลาดแรงงานอ่อนแอลง ถือเป็นการปรับลดครั้งแรกของ เฟด นับตั้งแต่ ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด-19
ในแถลงการณ์ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า มีความมั่นใจมากขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงมาอยู่ในระดับ 2% อย่างยั่งยืน พร้อมมองว่าความเสี่ยงด้านการจ้างงาน และ เงินเฟ้ออยู่ในภาวะสมดุล การปรับลดครั้งนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 4.75% – 5%
แม้จะเป็นต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้น ของธนาคาร แต่ยังส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และ บัตรเครดิต
การลดอัตรา ดอกเบี้ย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และ คณะกรรมการยังคาดการณ์ว่าอาจมีการลดเพิ่มเติมอีก 50 จุดพื้นฐานภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการลดลง 1% ภายในปี 2025
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้ยืนยันว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ธนาคารกลางในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานมากเกินไป แม้ว่า ตลาดจะมีความผันผวนหลังการประกาศ แต่การปรับลดนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
แม้ว่า เศรษฐกิจโดยรวมจะยังดูแข็งแกร่ง แต่เฟด ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับ การชะลอตัวของตลาดแรงงาน และ การจ้างงาน ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ในปัจจุบันยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% เล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 2.5%
ในระยะยาว ทิศทางของนโยบายการเงินยังคงเป็นที่จับตามอง แต่การตัดสินใจครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณถึง การผ่อนปรนเพิ่มเติมในอนาคต
ทั้งนี้ เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2020 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองฉุกเฉินต่อ ภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงัก อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี
ครั้งล่าสุด ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือเดือนกรกฎาคม 2023 ระหว่างการรณรงค์ปรับอัตราดอกเบี้ย เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดพื้นฐาน 4 ครั้งติดต่อกัน
เนื่องจากเฟดเป็นศูนย์กลางการเงินโลก การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ น่าจะส่งผลสะเทือนไปถึงธนาคารกลางอื่น ๆ ด้วย ซึ่งบางแห่งได้เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว ปัจจัยที่ผลักดันให้เงินเฟ้อโลกสูงขึ้นนั้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ เช่น ห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศที่หยุดชะงัก ความต้องการสินค้าที่มากเกินความจำเป็นมากกว่าบริการ และการกระตุ้นทางการเงินและการคลังที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางของแคนาดา ต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าธนาคารอื่นๆ ยังคงรอสัญญาณจากเฟดอยู่
แม้ว่าเฟด จะอนุมัติการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดก็ยังคงดำเนินโครงการที่ค่อย ๆ ลดขนาดการถือครองพันธบัตร กระบวนการดังกล่าวซึ่งเรียกกันว่า ”การปรับลดเชิงปริมาณ” ทำให้งบดุลของเฟดลดลงเหลือ 7.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงประมาณ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์จ ากจุดสูงสุด เฟดอนุญาตให้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด และ ตราสารหนี้ที่ได้รับการค้ำประกันด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัยหมุนเวียนออกได้เดือนละสูงสุด 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อไตรมาสแรกเริ่มต้น
https://thejournalistclub.com/baht-usd-fed-interst-cutcurrency-exchange-rates/