นายก “แพทองธาร” ประชุมส่วนราชการ ตั้ง ศปช. ส่วนหน้าเชียงรายเพื่อเป็นศูนย์สั่งการ และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด มอบ มท. 4 เป็นประธาน บูรณาการช่วยเหลือ เยียวยาฟื้นฟู ผู้ประสบภัย จ.เชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม(ศปช.) เผย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมบูรณาการแผนฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ได้สั่งการต่อที่ประชุม ดังนี้
1.ให้จัดตั้ง ศปช. ปฎิบัติการส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์สั่งการ และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้ รมช. มหาดไทยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นประธาน และรมช. กลาโหมนายณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษา และที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นโฆษก ให้ประจำที่หน้างานเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยให้มีการระดมพลผ่านทางกระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรมร่วมกับอาสาสมัคร และหน่วยงานเอกชนต่างๆ
2.การแก้ไขปัญหาในพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอแม่สาย ให้ดำเนินการดังนี้
1) ให้กระทรวงมหาดไทย ให้มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (zoning) ให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประชุมติดตามผลการดำเนินงาน และปัญหา อุปสรรค จากหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบแต่ละโซนทุกวัน เพื่อรายงานไปยังศปช. สนับสนุนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผน ที่วางไว้ต่อไป โดยรัฐบาลขอตั้งเป้าหมายในพื้นที่ที่ได้เริ่มเยียวยาแล้วภายในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 นี้ ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ขอให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างเร่งด่วน
2) ให้ทุกส่วนราชการสนับสนุนเครื่องจักร/เครื่องมือ บุคลากร ในการดำเนินงาน โดยรายงานไปที่ศูนย์ศปช. และสำเนาผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงราย และอธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยทราบด้วย
3) หากพบว่าเครื่องจักร/เครื่องมือมีไม่เพียงพอ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีการจัดจ้างจากเอกชน เพื่อระดมการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมอบหมายให้ กรมบัญชีกลาง พิจารณากระบวนการจัดจ้างให้เกิดความรวดเร็ว โดยไม่ขัดกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง และสำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณกับหน่วยงาน ดำเนินการ เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชนต่อไป
4) การอำนวยความสะดวกเพื่อซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน ถนน สะพาน เสาไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ท่อระบายน้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการขยะ และโคลน ให้ผ่อนผันเรื่องการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และที่ราชพัสดุ ที่ส่วนราชการต่างๆใช้อยู่ เช่น พื้นที่ของกองทัพ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอประเด็นดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
5) ระบบเตือนภัย ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเร่งรัดดำเนินการ ทั้งในพื้นที่นี้ และพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศที่มีความเสี่ยง ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้า
6) เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว มอบหมาย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กรมชลประทาน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(กรมทรัพยากรธรณี, กรมป่าไม้, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดเชียงราย, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงการต่างประเทศ หสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ วางแผนการแก้ไขปัญหาระยะกลางและระยะยาว เช่นการขุดลอกแม่น้ำสายไม่ให้ตื้นเขิน พิจารณาขยายสะพานหรือท่อระบายน้ำ เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ การป้องกัน การพังทลายของ ตลิ่งและการจัดทำระบบเตือนภัย และสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาโดยด่วนต่อไป
ให้ส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายให้กับราษฎรฯ โดยเร็วที่สุด
“การจ่ายเงินเยียวยาให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายให้กับราษฎรฯ โดยเร็วที่สุด รวมถึงมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม ที่ทุกภาคส่วนจะเร่งเสนอต่อครม. ต่อไป” นายกรัฐมนตรี เน้น
นายกฯ ได้มอบนโยบายให้กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดการจ่ายค่าเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด พร้อมให้กระทรวงการคลัง ได้เตรียมดำเนินการเรื่อง Soft loan สำหรับฟื้นฟูกิจการ หรือซ่อมแซมที่พักอาศัยหลังน้ำลด วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายสำหรับกลุ่ม Micro SME ขึ้นไป รวมถึงบุคคลธรรมดา
ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดและซ่อมแซม มอบให้แก่ผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก รวมถึงสินค้าธงฟ้าในราคาประหยัด เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ “แพทองธาร” ประชุมกำหนดแผนรับมือสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือที่เชียงรายวันนี้