“จุลพันธ์” กลับถิ่น เชียงใหม่ กำชับผู้ใหญ่บ้าน เยียวยาประชาชนใน 1 เดือน

เชียงใหม่


‘จุลพันธ์‘ กลับถิ่น เชียงใหม่ เดินสายมอบถุงยังชีพช่วยเหลือน้ำท่วม ‘เชียงดาว-แม่แตง’ กำชับผู้ใหญ่บ้าน-นายอำเภอ เงินเยียวยาถึงมือประชาชนภายใน 1 เดือน ขณะที่ ธ.ก.ส. พักหนี้เกษตรกร 1 ปีทั่วประเทศ ชี้ ‘แพทองธาร’ มีอำนาจสั่งการตามกฎหมายภายใน 2 อาทิตย์ ผุดมาตรการหนุนเงินเยียวยาค่าซ่อมแซมบ้านสูงสุด 2.3 แสน ลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า อย่างรวดเร็ว

  • ชี้ ‘แพทองธาร’ มีอำนาจสั่งการตามกฎหมายภายใน 2 อาทิตย์
  • ผุดมาตรการหนุนเงินเยียวยาค่าซ่อมแซมบ้านสูงสุด 2.3 แสน

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจราชการติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย

พร้อมด้วยนายสุรชาติ เทียนทอง อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ อดีตคณะที่ปรึกษา รมช.คลัง นายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นางวิไลพร พราหมณะนันทน์ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเขตเชียงใหม่ 2 รวมถึงตัวแทนธนาคารกรุงไทย และข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

โดยเวลา 10.30 น. นายจุลพันธ์ และคณะ ได้ลงพื้นที่ยังศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วัดนันติยาราม ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว และเดินทางต่อมายัง วัดแม่อีด ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว เพื่อมอบถุงยังชีพ พร้อมกับเดินสำรวจสภาพความเสียหายของพื้นที่การเกษตรโดยรอบซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม

” วิกฤติน้ำท่วมเป็นปัญหาที่พี่น้องนั้นรอไม่ได้ ทันทีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาก็ได้เรียกประชุมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ทันที พร้อมกำชับให้ลดขั้นตอนเอกสารที่ก่อให้เกิดความยุ่งยาก

โดยภายใน 2 อาทิตย์ที่ท่านนายกฯ มีอำนาจสั่งการตามกฎหมาย เงินเยียวยาก็ถึงมือพ่อแม่พี่น้องอย่างเร็วที่สุด”

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ตนเป็น สส. พื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มาก่อน เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่า ในบรรดาคณะรัฐมนตรี (ครม.) 35 คน จะมีหนึ่งคนที่นำปัญหาของพี่น้องชาวเชียงดาวไปหารือเพื่อแก้ไขปัญหาได้ และขอกำชับให้นายอำเภอเชียงดาว และกำนันผู้ใหญ่บ้านจัดการเรื่องเงินเยียวยาแก่พี่น้องประชาชนภายใน 1 เดือน

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวย้ำกับประชาชนที่มารอรับถุงยังชีพถึงมาตรการเยียวยาจากภาครัฐว่า รัฐบาลอนุมัติงบประมาณเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน 3,045.52 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือมซ่อมแซมบ้าน แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม 57 จังหวัดทั่วประเทศ ลโดยคิดตามเปอร์เซ็นต์

ซึ่งหากเสียหายไม่เกิน 30% รัฐบาลมอบเงินเยียวยาไม่เกิน 15,000 บาท หากเสียหาย 30-70% มอบเงินเยียวยา 70,000 บาท และหากเสียหาย 70% ขึ้นไป หรือทั้งหลังคาเรือน มอบเงินเยียวยาไม่เกิน 230,000 บาท

รวมถึงรัฐบาล ยังมีเงินเยียวยาค่าครองชีพคิดตามระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง แบ่งเป็น 1-30 วัน รัฐให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท 30-60 วัน รัฐให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาท และ 60 วันขึ้นไป รัฐให้ความช่วยเหลือ 9,000 บาท

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวย้ำถึงมาตรการของ ธ.ก.ส.ว่า ธ.ก.ส. ออกมาตรการพักหนี้เกษตรกร 1 ปี โดยไมีคิดดอกเบี้ย พร้อมทั้ง มีโครงการเงินกู้แก่พี่น้องประชาชน โดยไม่ต้องไปกู้หนี้นอกระบบคือ เงินกู้ฉุกเฉินฯ 50,000 บาท / 6 เดือน และเงินกู้เพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตฯ 500,000 บาท รวมถึงธนาคารออมสินที่ออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน จำนวน 10,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีค่าประกันภัยข้าวนาปีจากทาง ธ.ก.ส. โดยมีอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 70 บาทต่อไร่ ภาครัฐอุดหนุน 65 บาทต่อไร่ และเกษตรกรร่วมจ่าย 5 บาทต่อไร่ และมีค่าสินไหมทดแทนจากน้ำท่วมวงเงินคุ้มครอง 1,190 บาทต่อไร่

ดังนั้น จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น. นายจุลพันธ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปมอบขวัญกำลังใจ และถุงยังชีพต่อ ณ วัดบ้านเป้า ต.บ้านเป้า อ.แม่แตง และจุดสุดท้ายในเวลา ณ วัดป่าจี้ ต.อินทขิล อ.แม่แตง โดยมีนายชัยณรงค์ นันตาสาย นายอำเภอแม่แตงให้การต้อนรับ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) นายจุลพันธ์ มีกำหนดการลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม และมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่ริม และคาดว่าจะร่วมตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในเขตชุมชน อ.เมืองเชียงใหม่ และมอบถุงยังชีพแก่กลุ่มเปราะบาง พร้อมกับคณะของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

  • ทุกภาคส่วนเร่งฟื้นฟูแม่สาย

ด้านที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา ต่างนำเครื่องจักรกล รถบรรทุก และอุปกรณ์ต่างๆ เข้าทำการเคลียร์ดินโคลนและขยะออกจากชุมชนต่างๆ ทั้งในเขตเทศบาลตำบลแม่สาย เทศบาลตำบลเวียงพางคำ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันพบว่ายังคงมีดินโคลนจำนวนมากค้างอยู่ในบ้านเรือนของประชาชน

โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็คโฮขนาดเล็กเข้าทำการขุดดินโคลนตามบ้านเรือน และเปิดเส้นทางสัญจรตามชุมชนต่างๆ ซึ่งเครื่องจักรขนาดใหญ่ทำได้เพียงเปิดเส้นทางบนถนน และซอยสายหลัก ในส่วนของบ้านเรือน และพื้นที่ในซอยแคบต้องใช้เครื่องจักรขนาดเล็กลงเพื่อให้สามารถเข้าถึงจุดที่แคบได้

ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องจักรจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สาย เพื่อเร่งฟื้นฟูหลังน้ำท่วม โดยพบว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในงานฟื้นฟูจากหน่วยงานต่างๆ พบว่า มี แบ็คโฮขนาดเล็กและใหญ่รวมประมาณ 50 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ และ10 ล้อรวมประมาณ 150 คัน

รถดูดโคลนจากแขวงทางหลวงจำนวน 2 คัน รถแทรกเตอร์ ประมาณ 20 คัน ซึ่งแต่ละหน่วยงานต่างแบ่งโซนในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้การทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “สุริยะ” ห่วงน้ำท่วมเชียงใหม่ สั่งการรถไฟฯ อำนวยความสะดวกเต็มที่

: กระทรวงการคลัง