EXIM BANK รับปีนี้ขาดทุนสุทธิ 1,000 ล้านบาท เหตุตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญตามบัญชีใหม่



  • คาดตั้งสำนักงานตัวแทนที่เวียดนามได้สิ้นปี
  • หนุนผู้ประกอบการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
  • คาดปีหน้าสินเชื่อยังขยายตัวอยู่ที่ 6-7%

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในปีนี้ คาดว่ายอดสินเชื่อคงค้างน่าจะเติบโตได้ 5-6% คิดเป็นวงเงิน 6,000-7,000 ล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างที่มีปัจจุบัน 130,000 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะขาดทุนสุทธิประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ถึง 6,000 กว่าล้านบาท

“การตั้งสำรองดังกล่าว จะทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งขึ้น แม้ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงการคลังจะอนุญาตให้ใช้มาตรฐานบัญชีใหม่สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐออกไปอีก 5 ปี แต่สำหรับธนาคารมีความจำเป็นต้องเร่งเพิ่มแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีการติดต่อทำธุรกรรมกู้และการให้สินเชื่อกับต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้มีความน่าเชื่อถือ และมีความจำเป็น”

ส่วนการเปิดสำนักงานตัวแทนในต่างประเทศ ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมจากทางการเวียดนาม เพื่อตั้งสำนักงานตัวแทนที่โฮจิมินห์ ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีสำนักงานครอบคลุมกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคของธนาคาร

“ผลการดำเนินงานในกลุ่ม CLMV มียอดการปล่อยสินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีสินเชื่อคงค้างเป็น 1 ใน 3 ของยอดสินเชื่อรวม หรือคิดเป็นวงเงินประมาณ  30,000 กว่าล้านบาท และหากมีการเปิดสำนักงานตัวแทนที่เวียดนาม จะสามารถสนับสนุนเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนและทำการค้าเพิ่มเติมได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจพลังงาน ที่มีศักยภาพในการขยายตัวได้ดี”

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีหน้า คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 6-7% โดยเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการบริหารจัดการการเงินและธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ การบริหารความเสี่ยงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมกับการบริหารความเสี่ยง และการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อความยั่งยืน

นอกจากนี้ธนาคารจะสนับสนุนการส่งออกและลงทุนโดยเฉพาะในตลาดใหม่ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยก้าวพ้นการเป็นประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง ให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาแนะนำและโครงการอบรมสัมมนาของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของธนาคาร

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5% โดยจะพยายามรักษาไว้ที่ระดับดังกล่าว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ผ่านมาธนาคารได้ออกมาตรการและเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าวงเงินกว่า 50,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าว มีประมาณ 5% หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท ที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ โดยยืนยันว่าธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยเผื่อสูญตามเกณฑ์ไว้เรียบร้อยแล้ว

 “ด้านธุรกิจประกันภัยส่งออก ในปีหน้าคาดว่าการเติบโตจะใกล้เคียงกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 10% ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ส่งออก ในภาวะที่เศรษฐกิจ และภาวะการค้าที่มีความไม่แน่นอนสูง”

ขณะที่ในระยะยาว ธนาคารจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าให้มีนวัตกรรมและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น พร้อมปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การพัฒนาโลจิสติกส์ และบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับการค้าแบบอี-คอมเมิร์ซ (e-commerce) การผลิตสินค้าตอบรับกับกระแสความนิยมใหม่ๆ และการนำระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในภาคการผลิต บริการ และการเงิน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ในระยะยาว