EXIM BANK ชี้ช่องผู้ส่งออกเอสเอ็มอีใช้ “ประกันการส่งออก”ขยายธุรกิจฝ่าโควิด



  • พิจารณาคู่ค้า-เสนอเทอมการชำระเงินอย่างมั่นใจช่วงโควิด-19
  • 7 เดือนแรกปี 64 มีลูกค้ายื่นขอรับค่าสินไหมทดแทน 22 ล้านบาท

วันที่ 13 สิงหาคม 2564 นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวเปิดงาน “EXIM One Solution Forum” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “วัคซีนประกันการส่งออก (Export Credit Insurance : ECI) ส่งออกมั่นใจ ยังไงก็ไม่โดนเท” ทางออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการและสาธารณชน ว่า ขณะที่ภาคการส่งออกไทยเป็นพระเอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2564 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันส่งเสริมและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งมีฐานทุนน้อยและเปราะบางต่อความเสี่ยงทางธุรกิจมากกว่า และหากผู้ส่งออกไทยค้าขายกับคู่ค้าเหล่านี้ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า “ประกันการส่งออก” จึงเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครองผู้ส่งออกจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจนขาดสภาพคล่องธุรกิจ

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั่วโลกใน 3 มิติ ได้แก่ 1.มาตรการจำกัดการเดินทางของรัฐบาลทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติได้ ทั้งภาคการผลิต การบริการ และการขนส่ง ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการต้นทุนและรายได้ 2.การชะงักงันการผลิต เนื่องจากการระบาดของโรคและมาตรการจำกัดการเดินทาง ทำให้เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบบางรายการที่ใช้ในการผลิตสินค้า และ3. กำลังซื้อลดลง เนื่องจากการชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุน ทำให้เกิดการเลิกจ้างงานหรือลดชั่วโมงการทำงาน

ดังนั้น EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมสนับสนุนใน 4 ด้าน ได้แก่ เงินทุน ช่องทางการค้าออนไลน์ ความรู้ และเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เพื่อช่วยให้ภาคส่งออกเป็นพระเอกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ EXIM BANK เป็นองค์กรรับประกันแห่งเดียวของไทยที่มีบริการประกันการส่งออกคุ้มครองความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกไทยจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การปรับปรุงเงื่อนไขให้ยืดหยุ่นและสะดวก อนุมัติเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ส่งออก โดยเฉพาะ SME

นอกจากนี้ ประกันการส่งออกยังช่วยให้ผู้ส่งออกรู้จักผู้ซื้อดีขึ้น กล้าเสนอเทอมการชำระเงินที่ผ่อนปรน และขยายตลาดส่งออกได้อย่างมั่นใจ ทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ โดย EXIM BANK จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนและติดตามหนี้ เมื่อเกิดความเสียหายจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า โดยนับตั้งแต่เปิดดำเนินการในปี 2537 บริการประกันการส่งออกของ EXIM BANK ก่อให้เกิดปริมาณธุรกิจส่งออกของไทยเป็นมูลค่ากว่า 1.55 ล้านล้านบาท ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 มีลูกค้าประกันการส่งออกของ EXIM BANK ยื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนจำนวนทั้งสิ้น 12 ราย เป็นมูลค่ากว่า 22.6 ล้านบาท โดยประมาณ 66% มีสาเหตุจากผู้ซื้อในต่างประเทศปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้า รองลงมาอีก 26% ผู้ซื้อล้มละลาย และ 8% ผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า

ทั้งนี้ EXIM BANK มีบริการประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อ/ธนาคารผู้ซื้อ ตลอดจนบริการประกันการส่งออก คุ้มครองความเสี่ยงของผู้ซื้อหรือความเสี่ยงทางการค้า ได้แก่ ผู้ซื้อล้มละลาย ผู้ซื้อปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้า และผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า และความเสี่ยงของประเทศผู้ซื้อหรือความเสี่ยงทางการเมือง ได้แก่ การควบคุมการโอนเงินจากประเทศผู้ซื้อมายังประเทศไทย การห้ามนำเข้าสินค้าหรือยกเลิกสิทธิการนำเข้า และการเกิดสงคราม จลาจล ปฏิวัติ รัฐประหาร

ส่วนบริการประกันการส่งออกเพื่อ SMEs ในปี 2564 ได้แก่ EXIM for Small Biz  สำหรับ SMEs ที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกิน 100 ล้านบาท คุ้มครองสูงถึง 1 แสนบาท ให้ความคุ้มครอง 80% ของมูลค่าความเสียหาย และ EXIM Smart SMEs สำหรับ SMEs ที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกิน 500 ล้านบาท ให้ความคุ้มครองสูงถึง 90% ของมูลค่าความเสียหาย ผู้ส่งออกที่มีประวัติดี ไม่มีเคลม จะได้รับเงินคืนสูงสุด 10% 

“ในวิกฤตโควิด-19 ความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศที่พบบ่อยที่สุดคือ ผู้ซื้อในต่างประเทศไม่ชำระเงินค่าสินค้าหรือชำระไม่ครบถ้วน ซึ่งผู้ส่งออกไทยมีความยากลำบากและต้นทุนสูงมากในการติดตามหนี้ กลายเป็นหนี้สูญเพราะผู้ซื้อในต่างประเทศขาดสภาพคล่องหรือล้มละลาย โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับการค้าขายล็อตใหญ่กับผู้ซื้อที่ดูน่าเชื่อถือหรือมีความเสี่ยงต่ำ EXIM BANK ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนจึงเร่งขยายบริการประกันการส่งออกให้ผู้ส่งออกไทยใช้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจค้าขายระหว่างประเทศ”