สรรพากร แนะผู้เสียภาษีเปิดระบบพร้อมเพย์รับเงินคืน

สรรพากร จ่อปิดระบบคืนภาษีแวตผ่านระบบเช็คสั่งจ่าย แนะให้เปิดระบบพร้อมเพย์รับเงินคืนแทน ป้องกันเหตุกระบวนการทุจริต

  • เผยปี 67 จะให้ผู้ที่อยู่ในระบบแวต เปิดใช้บริการการโอนและรับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์
  • ชี้แนวทางนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตการคืนแวตได้ 
  • “จุลพันธ์” ย้ำระบบการคืนภาษี การทำงานของสรรพากร มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน 

นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดี และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรจะขอเชิญชวนให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มทุกรายไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเข้าสมัครใช้บริการโอนเงินและรับโอนเงินมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า ระบบพร้อมเพย์กับธนาคารพาณิชย์ที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้ เพื่อเพิ่มความสะดวก กรณีที่กรมฯจะดำเนินการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ให้แก่ผู้เสียภาษี โดยจะทำการคืนภาษีแวตผ่านช่องทางพร้อมเพย์ แทนการคืนผ่านระบบเช็คสั่งจ่ายแบบเดิม

“ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป กรมฯ จะขอให้ผู้ที่อยู่ในระบบแวต ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เปิดใช้บริการการโอนและรับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์กับธนาคารที่ได้เปิดบัญชีไว้ เพื่อที่กรมฯ จะได้ทำการโอนเงินที่ผู้เสียภาษีทำการขอคืนแวตมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น”

นายวินิจ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกรมสรรพากรจะใช้วิธีการโอนคืนแวตแก่ผู้เสียภาษีผ่านช่องทางเช็คสั่งจ่าย เนื่องจากการโอนเงินคืนผ่านเลขที่บัญชีของผู้เสียภาษี จะมีค่าใช้จ่ายค่าโอนต่อรายการเป็นเงินสูงถึง 250 บาทต่อรายการ ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ ทางกรมฯ ไม่สามารถเป็นผู้รับภาระดังกล่าวได้ เนื่องจากธุรกรรมหรือรายการการโอนเงินคืนดังกล่าวมีจำนวนมาก หรือราว 400,000 รายการ ขณะเดียวกัน ทางผู้เสียภาษีก็ไม่ยินยอมที่จะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ดังนั้นทางกรมฯ จึงใช้ช่องทางการโอนเงินคืนผ่านเช็คสั่งจ่าย

ทั้งนี้ หากผู้เสียภาษีรายใดไม่ยินยอมที่จะสมัครระบบพร้อมเพย์ กรมฯ จะต้องขอให้ผู้เสียภาษีดังกล่าวยินยอมที่จะเป็นผู้ชำระค่าบริการโอนเงินคืนภาษีเองผ่านเลขที่บัญชี โดยกรมฯ จะให้เวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านระบบการรับโอนเงินสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบแวตประมาณ 3 เดือน หลังจากที่กรมฯ ได้เริ่มดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว

ทั้งนี้ แนวทางการคืนแวตผ่านระบบพร้อมเพย์ดังกล่าว จะเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตการคืนแวตได้ สืบเนื่องมาจากทางกรมฯ ได้ตรวจพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ได้กระทำการทุจริตการคืนแวตผ่านช่องทางการคืนแวตด้วยเช็คสั่งจ่ายในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างพิจารณาคดี ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ทางคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดกรณีเจ้าหน้าที่สรรพากรจำนวน 4 ราย ร่ำรวยผิดปกติ และส่งอัยการสูงสุดยื่นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้เงินตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมเสนอต้นสังกัดให้ดำเนินการไล่ออกจากราชการ

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมสรรพากร ก็ได้ดำเนินการให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้วจำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.65 และรายที่ 4 เป็นลูกจ้างชั่วคราว ก็ไม่ต่อสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 โดยกรมฯ ได้เป็นผู้ตรวจพบความผิดและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ โดยความผิดที่ตรวจพบเกิดขึ้นช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยทั้ง 4 ราย ร่วมกันกระทำความผิดในคดีโกงเช็คที่กรมฯ เตรียมคืนแก่ผู้เสียภาษีเป็นเม็ดเงินประมาณ 150 ล้านบาท

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ได้กระทำการทุจริตการคืนแวตว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการกับคดีดังกล่าว และให้กรมสรรพากรขยายผลการตรวจสอบให้ทั่วสำนักงานสรรพากรทุกพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ว่าระบบการคืนภาษี หรือการทำงานของสรรพากรมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน 

อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาอุดช่องโหว่ทุจริตดังกล่าว ได้มีนโยบายให้กรมสรรพากร งดการคืนภาษีผ่านเช็คเงินสดโดยให้เหลือแต่ช่องทางการคืนภาษีผ่านเลขบัญชีพร้อมเพย์ ตามเลขบัตรประชาชนเท่านั้น โดยเริ่มให้มีผลวันที่ 1 ม.ค.67 เป็นต้นไป