

“นภินทร” สั่งปั๊มมูลค่าเอสเอ็มอี 7.1 ล้านล้านบาท หวังดันสัดส่วนจีดีพีเอสเอ็มอีเพิ่มเป็น 40% ของจีดีพีไทย
- เดินหน้า 9 โรดแมป-ขายสินค้าแรงงานต่างด้าวในประเทศ
- พร้อมจัด “มหกรรมรวมพลังเอสเอ็มอีไทย” กระตุ้นยอดขาย
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ เอสเอ็มอีไทย ซึ่งมีตนเป็นประธานว่า ที่ประชุม ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมกับภาคเอกชน ได้วางโรดแมป มาตรการส่งเสริมและแก้ปัญหาเอสเอ็มอี เพื่อเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเอสเอ็มอีไทย ให้ได้เป็น 40% ของจีดีพีภายในปี 70 หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 500,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ 7.1 ล้านล้านบาทจากปี 65 ที่มีสัดส่วน 35.2% มูลค่า 6.3 ล้านล้านบาท แต่ภายใน 1 ปีจากนี้ หรือในปี 67 ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าขึ้นอีก 300,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ 6.6 ล้านล้านบาทก่อน
“ประเทศที่พัฒนาแล้ว มูลค่าเอสเอ็มอีต่อจีดีพีอยู่ในระดับสูง เช่น อังกฤษ อยู่ที่ 68% อิตาลี 64% เดนมาร์ก 60% หรือแม้แต่มาเลเซีย ยังสูงถึง 38% แต่ไทย ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 60-65 มูลค่าของเอสเอ็มอีอยู่ที่ระดับ 34-35% มาโดยตลอด ทั้งๆ ที่มีเอสเอ็มอีอยู่ในระดับมากถึง 3.18 ล้านราย เกี่ยวข้องกับแรงงานจำนวนมาก และเป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์ จึงแผนจะเพิ่มสัดส่วนมูลค่าของเอสเอ็มอีในจีดีพีให้มากขึ้น”
สำหรับโรดแมป ที่จะใช้ดำเนินการ ประกอบด้วย 9 แนวทาง ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการ ได้แก่ 1.จัดหลักสูตรอบรมให้ความรู้เพิ่มเติมทักษะให้เอสเอ็มอี 2.สร้างอาชีพด้วยแฟรนไชส์ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ว่างงาน ผู้สนใจประกอบธุรกิจ และครอบครัวผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยสั่งการให้พาณิชย์จังหวัด หาทำเลในพื้นที่ให้ เจรจาค่าเช่าราคาพิเศษ ประสานปั๊มน้ำมัน เปิดพื้นที่ให้เช่าราคาถูกหรือฟรีใน 1 ปีแรก ประสานสถาบันการเงินให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ คิดดอกเบี้ยราคาพิเศษ

3.เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศด้วยการนำสินค้าชุมชน สินค้าเอสเอ็มอี สินค้าโอทอปมาเสนอขายแก่ผู้บริโภคในกลุ่มแรงงานต่างด้าวในไทยกว่า 2.5 ล้านคน โดยจัดแพกเกจสินค้าที่เหมาะกับการยังชีพให้สะดวกต่อการเลือกซื้อสินค้า และมีระบบการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว 4.เพิ่มมูลค่าสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสินค้าจีไออีก 20 รายการ จากเดิม 193 รายการ และเพิ่มมูลค่าการค้าจาก 52,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 62,000 ล้านบาท 5.บริหารจัดการสินค้าเกษตรเพื่อรักษาสมดุลราคาทั้งพืชไร่ พืชสวน และปศุสัตว์ เพื่อรองรับผลผลิตที่ออกสู่ตลาด เป้าหมาย 75,000 ตัน/ปี
6.พัฒนาร้านค้าโชห่วยด้วยระบบการค้าสมัยใหม่ 7.ส่งเสริมการเติบโตของเอสเอ็มอีในท้องถิ่น ผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้ามาแข่งขันในตลาดและเป็นคู่ค้ากับภาครัฐได้ 8.สนับสนุนและสร้างมาตรฐานธุรกิจ E-Commerce โดยส่งเสริมให้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมรับเครื่องหมายDBD Registered การันตีความมีตัวตน และเครื่องหมาย DBD Verified รับรองความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ9.ผลักดันให้ไทยเป็นนครอัญมณีโลก เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการ SMEs เป็นจำนวนมาก
พร้อมกันนั้น ยังได้กำหนดจัดกิจกรรม “มหกรรมรวมพลังเอสเอ็มอีไทย” ปลายเดือน มี.ค.67 ที่กรุงเทพฯ โดยจะเปิดพื้นที่ให้เอสเอ็มอีเข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า ไม่น้อยกว่า 100 คูหา จัดการเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเจรจาจับคู่กู้เงินระหว่างเอสเอ็มอีกับสถาบันการเงิน รวมถึงจัดกิจกรรมออนทัวร์ ไปยัง 4 ภูมิภาค เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และช่วยเหลือผู้ประกอบการขยายตลาดและฐานลูกค้า