ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 173 จุด เงินเฟ้อชะลอตามคาด

ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 173 จุด นักลงทุน ซื้อหุ้นสะสม หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกมาชะลอลงตามคาดการณ์ คาดผลการประชุมนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ย

  • ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 3.1% ลดลงจาก 3.2% ในเดือนก่อนหน้า
  • ตลาดรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คืนวันพุธตามเวลาสหรัฐฯ
  • นักลงทุนซื้อหุ้นสะสม คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 12 ธ.ค.ที่ 36,577.94 จุด เพิ่มขึ้น 173.01 จุด หรือ +0.48%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,643.70 จุด เพิ่มขึ้น 21.26 จุด หรือ +0.46% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส  ปิดที่ 14,533.40 จุด เพิ่มขึ้น 100.91 จุด หรือ +0.70%

ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 นักลงทุนคาดเศรษฐกิจสหรัฐฯจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หลังเงินเฟ้อชะลอต่อเนือง.ทำให้เฟดเข้าสู่การยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น 

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 3.2% ในเดือน ต.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไม่เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. หรือปรับตัวขึ้น 0.0%

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.0% ในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในคืนวันนี้ (13 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งจับตาการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (dot plot) และถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2567

ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข CPI นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ แต่ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนได้ลดน้ำหนักในการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. 2567 และเพิ่มน้ำหนักให้กับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. 2567

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักที่สุด หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 4%

หุ้นออราเคิล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 12.44% หลังจาบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากรายได้ของธุรกิจคลาวด์ชะลอตัวลง