คลังเผยมาตรการภาษีสนับสนุน การท่องเที่ยวในประเทศ

มาตรการภาษี แก้หนี้นอกระบบ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง


คลังเผยมาตรการภาษีสนับสนุน การท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยหนุน การฟื้นตัวของภาค การท่องเที่ยวในประเทศ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

  • บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง ที่ใชัจัดสัมมนา หักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้
  • ผู้มีเงินได้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าบริการที่จ่ายให้ผู้ประกอบนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม
  • ค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม สำหรับท่องเที่ยวในเมืองรองได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท หักเป็นค่าใช้จ่ายคำนวณภาษีเงินได้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการภาษี เพื่อสนับสนุน การท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการที่ จะสนับสนุนการฟื้นตัว ของภาคการท่องเที่ยวไทย ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และทั่วถึง รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบด้วย 2 มาตรการ ดังนี้

1. มาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนา ภายในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล) บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำรายจ่าย ค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการอบรมสัมมนาภายในประเทศ ที่จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง 

หรือค่าบริการ ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตามกฎหมายว่าด้วย ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 หักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล 

โดยจะต้องมีใบกำกับภาษี แบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร เว้นแต่ค่าขนส่ง จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้ 

โดยต้องได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร  ในรูปแบบใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษี ได้แก่ 

1.1 สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่าย ตามที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนา ที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรอง หรือในเขต พื้นที่ท่องเที่ยวอื่นใด ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

1.2 สามารถหักรายจ่ายได้ 1.5 เท่าของรายจ่าย ตามที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนา ที่จัดในท้องที่อื่น นอกจากท้องที่ตามข้อ 1.1 

1.3 ในกรณีที่การจัดอบรมสัมมนาครั้งหนึ่ง ๆ เกิดขึ้นในท้องที่ตามข้อ 1.1 และข้อ 1.2 ต่อเนื่องกัน ให้หักรายจ่ายที่สามารถแยกได้ ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดตามข้อ 1.1 หรือข้อ 1.2 แล้วแต่กรณี และให้หักรายจ่าย ที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใด ได้ 1.5 เท่า ของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง

ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่อธิบดีกรมสรรพากร ประกาศกำหนด

2. มาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา) 

ผู้มีเงินได้ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึง ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคล ที่มิใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าบริการ ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตามกฎหมายว่าด้วย ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ 

หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พัก ในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว ในจังหวัดท่องเที่ยวรอง ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท หักเป็นค่าใช้จ่าย ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน2567 ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season)

ทั้งนี้ จะต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร ด้วย

“มาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ภายในประเทศดังกล่าว จะช่วยสนับสนุน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึง เป็นการประชาสัมพันธ์ ให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในช่วง Low Season มากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจภายในประเทศ อีกด้วย” นายพรชัย กล่าว

กระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายก สั่งคลัง ศึกษาเอ็นเตอร์เทนเม็นต์ คอมเพล็กซ์