รมว.ท่องเที่ยว นำไทยรุก SATTE ปี’67 โกยอินเดีย 8 หมื่นล้าน

รมว.สุดาวรรณ นำ ททท.เอกชนไทย รุกขายท่องเที่ยวงาน “SATTE 2024” มหกรรมจับคู่ธุรกิจซื้อขายรายการใหญ่สุด ตั้งเป้าปี 67 โกยเงินตลาดอินเดียเข้าไทยกว่า 80,870 ล้านบาท เจาะกำลังซื้อมาแรง 11 กลุ่มใหญ่

  • รมว.ท่องเที่ยว ททท.นำทีมโรงแรม แอร์ไลน์ ทัวร์ ธีมปาร์ค ลุยขายงาน SATTE 2024 เดลี
  • ปี’67 หวังโกยรายได้ 80,870 ล้านบาท รุกใหม่ 5 ตลาด รักษาฐานเดิม 6 ตลาด
  • เร่งใช้ฟรีวีซ่าเพิ่มฐานอินเดียเที่ยวไทยครั้งแรก ต่อยอดปี’66 โต 62%

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นำทีมผู้บริหารการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ประกอบการไทยร่วมงาน SATTE : South Asia Travel and Tourism Exchange 2024 มหกรรมส่งเสริมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่สุดในอินเดีย ระหว่างวันที่ 22 – 24 กุมภาพันธ์2567 ที่ อินเดีย เอ็กซโป มาร์ต กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยก่อนเริ่มงานเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ได้ร่วม 2 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมแรก จัด Executive Luncheon เพื่อพบปะกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ในอินเดียกิจกรรมที่สอง ทำ Thailand Media Briefing นำเสนอการท่องเที่ยวของเมืองไทยกับสื่อและผู้เกี่ยวข้องที่ เดอะลีลา พาเลซ

ปี 2566 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ถือเป็นกลุ่มคุณภาพที่มีศักยภาพใช้จ่ายเงินสูงทางรัฐบาลไทยจึงได้ส่งเสริมต่อเนื่องด้วยมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวอินเดียในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ‘Act East’ ของอินเดีย มุ่งเชื่อมโยงให้เกิดการเดินทางระหว่างกันมากขึ้นทั้ง 2 ประเทศ ทางไทยพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้นักท่องเที่ยวอินเดียผ่านซอฟท์ พาวเวอร์ พร้อมยกระดับการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพและความปลอดภัยทั้งกับอินเดียและนานาชาติ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวอินเดียซึ่งเป็นกลุ่มศักยภาพมีขนาดใหญ่เติบโตได้ดีตอนนี้ไทยหวังจะทำให้ได้มากถึง 11 กลุ่ม ในปี 2567 ททท.จะเร่งขยายฐานเจาะเพิ่มอีก 5 กลุ่มใหม่ ได้แก่ กลุ่มสตรี ผู้สูงวัย Gen Z LGBTQIA+ และกลุ่มความสนใจเฉพาะ (Niche) เช่น กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ กีฬาดำน้ำ ควบคู่กับปัจจุบันมีอยู่แล้ว 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มครอบครัว คู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มเศรษฐีคนรุ่นใหม่ (Millennial) กลุ่มหรูหรา (Luxury) กลุ่มกีฬากอล์ฟ และกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive)

ปี 2567 ททท.วางกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียเชิงรุกต่อเนื่องโดยจะทำให้ได้ถึง 1,746,000 คน นำรายได้เข้าประเทศ 80,870 ล้านบาท หลังจากปี 2566 มีอินเดียเดินทางท่องเที่ยวไทยรวมทั้งสิ้น 1,628,542 คนสูงกว่าเป้าหมายปกติตั้งไว้ 1,425,000 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางอิสระโดยลำพัง (FIT) 75.77 % และเป็นกลุ่มเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก (First Visit) สูงถึง 62.17 % เพราะได้แรงสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลไทยประกาศใช้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) ให้นักท่องเที่ยวอินเดีย ระหว่าง 10 พฤศจิกายน 2566 – 10 พฤษภาคม 2567

ปีนี้ ททท. จะเน้นร่วมมือกับพันธมิตรทั้งสายการบินและผู้แทนบริษัทนำเที่ยว ทำ 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 ส่งเสริมตลาดเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย กิจกรรมที่ 2 เข้าร่วมงานส่งเสริมการขายท่องเที่ยวงานสำคัญในตลาดอินเดียเช่น งาน Outbound Travel Mart (OTM) ที่มุมไบ เมื่อ 8 – 10 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อด้วยงาน SATTE 2024 วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กรุงนิวเดลี ททท. นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าร่วม 59 ราย โดยได้นำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย รุกเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางครั้งแรกหรือ First Visitor เข้ามาไทยเพิ่มขึ้นตลอดปีนี้

สำหรับงาน SATTE 2024 ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2567 คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 35,000 คน มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าการท่องเที่ยวรวมกว่า 1,200 คูหา ททท. จึงได้เชิญพันธมิตรผู้ประกอบการไทยและสายการบินพันธมิตทั้งหมด 59 ราย ได้แก่ โรงแรมและรีสอร์ต 26 ราย บริษัทนำเที่ยว 20 ราย และอื่น ๆ เช่น ธุรกิจสวนน้ำ สวนสนุกกอล์ฟคลับ อีก 10 ราย พันธมิตรไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด สายการบินไทยและสายการบินแอร์เอเชีย เข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อในตลาดอินเดีย ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทยที่มีความหลากหลายสอดคล้องกับพฤติกรรมของตลาดเป็นอย่างดี

ททท.ได้ดีไซน์คูหาประเทศไทยเปิดพื้นที่เพิ่มเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเทศไทย จัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และกิจกรรมสาธิตต่าง ๆ ดึงดูดให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์และเสน่ห์การท่องเที่ยวไทยกับวัฒนธรรมอันโดดเด่นอย่างใกล้ชิด สร้างจุดสนใจให้คนอินเดียเลือกเดินทางมาไทยตลอดปีนี้ให้ได้ถึง 1.7 ล้านคนขึ้นไป -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน