ตม.รับมือปีใหม่ 6 มาตรการ ดูแลสุวรรณภูมิวันละ 1.5 แสนคน

ตม.จัดทัพ 6 มาตรการรับคลื่นอผู้โดยสารเดินทางเข้าออกไทยปีใหม่ คาดสุวรรณภูมิทะยานเกินวันละ 1.5 แสน แนะขาออกเผื่อเวลาเช็คอิน 3 ชม.

  • พร้อมติดตั้งนำอุปกรณ์บริการอัตโนมัติ Autometic channel เต็มรูปแบบ สร้างความประทับใจนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ 
  • ตม.2 จัดทีมช่วงปีใหม่รับคลื่นผู้โดยสารเข้าออกสุวรรณภูมิ 1.5 แสนคน/วัน 
  • เพิ่มช่องบริการอัตโนมัตดูแล E-passport ทั่วโลก 70 ประเทศ 
  • คนไทยลดสแกนลายนิ้วมือช่องตรวจหนังสือเดินทางไทย ทั้งขาเข้าและออก

พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) โฆษกสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เปิดเผยว่า ได้เตรียมความพร้อมรองรับนักท่องช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567  คาดการณ์จะมีคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศผ่านเข้าออกท่ากาศยานสุวรรณภูมิวันละกว่า 1.5 แสนคน จากปกติวันละ 1.2 แสนคนส่วนหนึ่งเพราะนโยบายของรัฐบาลไทยส่งเสริมการท่องเที่ยว วีซ่าฟรี ดังนั้นช่วงปีใหม่นี้ผู้โดยสารสนามบินอาจจะหนาแน่น โดยมีเที่ยวบินและคนเดินทางเพิ่มขึ้น จะมียอดคนเข้าประเทศสูงสุดราวชั่วโมงละ 5,000-6,000 คน และคนออกประเทศสูงสุดราว 4,000 -5,000 คนต่อชั่วโมง

ช่วงเที่ยวบิน “ขาเข้า” ลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมกันบางชั่วโมงสูงถึง 25 เที่ยวบิน จะมีจำนวนนักเดินทางขนาดใหญ่เข้ามาโถง ตม. จำนวนมากจนอาจมีภาพผู้โดยสารการสะสมทาง ตม.มีมาตรการเร่งระบายจะใช้เวลาตรวจคัดกรอง ตามมาตรฐานความมั่นคง กว่า 7 ขั้นตอน ทันทีที่ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่เกินคนละ 45 วินาทีเท่านั้น ได้ทดลองจับเวลาผู้โดยสารเดินเข้าโถง รอคิว และรับการตรวจต่อคนแล้วพบใช้เวลารอเข้ารับการตรวจราว 18-20 นาที เพราะทาง ตม. จำเป็นต้องคัดกรองคนร้ายชาวต่างชาติอาจแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาด้วยเช่นกัน

ส่วน “ขาออก”สุวรรณภูมิ ต้องเผื่อเวลาในขั้นตอนเช็คอินเคาท์เตอร์สายการบิน การผ่านจุดตรวจค้นตามหลักความปลอดภัยสากล  การผ่าน ตม. และการเดินไปที่หลุมจอดเพื่อขึ้นเครื่อง โดยรวมอาจต้องเผื่อเวลาไว้ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า3 ชม. ซึ่งทาง ตม. หลังจากนำอุปกรณ์อัตโนมัติมาใช้คือ Autometic channel ขาออก สุวรรณภูมิ ให้รองรับการตรวจคนต่างชาติที่ใช้ E-passport ทั่วโลกกว่า 70 ประเทศพบสามารถระบายความหนาแน่นผู้โดยสารได้ดีขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 6,000 คน จากเดิมตรวจทำได้เพียง 4,100 คน

พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวว่า ขณะเดียวกันทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (บก.ตม.2) รับผิดชอบการตรวจคนเข้าออกผ่านทาง ตม.ทั้ง 5 ท่าอากาศยานคือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ พร้อมทำหน้าที่คัดกรองการเดินทางเข้าออกประเทศ ภายใต้หลักความมั่นคงของประเทศตามมาตรการรองรับสำคัญ ได้แก่

เรื่องที่ 1 จัดกำลังพลเสริมหน้าที่เวร โดยให้เจ้าหน้าที่ ตม.เสริมเวรประจำเคาท์เตอร์ ก่อนเวลาเข้าเวรปกติ 3-4 ชม. เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังพล โดยได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากด่านต่างๆทั่วประเทศ จากผู้บัญชาการ สตม. เพิ่มอีก 150 นาย จะสามารถจัดกำลังพลประจำเคาเตอร์ตรวจเข้าและออก ได้มากที่สุด รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ตม. งดขาด ลาพักผ่อน เพื่อช่วยกันดูแลพี่น้องที่เดินทางระหว่างประเทศเต็มที่ เรื่องที่ 2 ใช้วิธีเกลี่ยปริมาณผู้โดยสารขาเข้าที่สุวรรณภูมิให้สมดุลกันทั้ง 3 โซน ให้สมดุลกัน หากฝั่งใดที่มีผู้โดยสารลงเครื่องหลายเที่ยวบินพร้อมกัน เป็นคลื่นคนขนาดใหญ่ทางฝั่งใด หากโถง ตม. ฝั่งนั้นเริ่มเต็ม จะจัดเจ้าหน้าที่โบกให้ผู้โดยสารใช้บริการโซนถัดไปที่หนาแน่นน้อยกว่า เพื่อรับการตรวจหนังสือเดินทางได้เร็วขึ้น เรื่องที่ 3 ผู้โดยสารที่มีเด็กเล็ก มีผู้สูงอายุ ผู้พิการ จะมีการคัดแยกให้รับการตรวจที่ช่องทาง Priority เพื่อความสะดวกในการรับการตรวจอย่างสะดวกมากขึ้น

เรื่องที่ 4 ผู้โดยสารคนไทย ได้ลดขั้นตอนการสแกนลายนิ้วมือที่ช่องตรวจหนังสือเดินทางไทย ทั้งขาเข้า และขาออกเนื่องจากคนไทยมีฐานข้อมูลหนังสือเดินทางไทยในระบบอยู่แล้วเรื่องที่ 5 ประสานการทำงานร่วมกับสายการบิน กรณีพบผู้โดยสารเสี่ยงตกเครื่อง ในขาออก ให้ประสานทาง ตม.ขาออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทันขึ้นเครื่องได้ตามกำหนดเวลาเรื่องที่ 6 พัฒนาระบบ Autometic channel ขาออก สุวรรณภูมิ ให้รองรับการตรวจคนต่างชาติที่ใช้ E-passport ทั่วโลกกว่า 70 ประเทศ เริ่มใช้งานได้แล้วตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา เป็นของขวัญปีใหม่ของ สตม. ตามนโยบาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

พล.ต.ต.เชิงรณ ย่ำว่า นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้บัญชาการ สตม.ให้ความสำคัญ กับการอำนวยความสะดวกภายใต้หลักความมั่นคง และ ตม. ถือเป็นหน้าตาของประเทศต้องใส่ใจการปฏิบัติให้ดีที่สุด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่จะเรียกคืนบรรยากาศท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก ในวันที่ 21 ธันวาคม นี้ ทางพล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. จะเดินทางมามอบนโยบายเจ้าหน้าที่ ตม. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยตนเอง