กรมธุรกิจพลังงาน เผยสถานการณ์ ยอดการใช้น้ำมัน เชื้อเพลิงรอบ 8 เดือน ปี 67 อยู่ที่ 156.37 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน พบกลุ่มเบนซินลดลง 0.7% ปัจจัยมาจากการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวขึ้น
- น้ำดีเซลยังฮอต ยอดใช้พุ่ง ผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ในภาคการท่องเที่ยว-ภาคบริการ
- ยอดใช้น้ำมันอากาศยาน เพิ่มขึ้น 17.3% จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
- พบการใช้ NGV ยอดลดลง 17.1% สอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV และจำนวนสถานีบริการที่มีแนวโน้มปิดตัวลง
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบ 8 เดือน เฉลี่ยเดือนม.ค.-ส.ค.67 อยู่ที่ 156.37 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.0% โดยกลุ่มเบนซินลดลง0.7% ซึ่งมีปัจจัยสำคัญจากการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า
สำหรับ ดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการเพิ่มขึ้น 3.2% เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ รวมทั้งมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของรัฐบาล ด้านน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 17.3% ขยายตัวจากการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจจากปีก่อน ประกอบกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ขณะที่น้ำมันเตาลดลง 16.4% NGV ลดลง 17.1% ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และการใช้ LPG เพิ่มขึ้น 3.4%
สำหรับรายละเอียดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในด้านการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.65 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.7% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขยาย และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และรถไฟระหว่างเมือง รวมจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV HEV และ PHEV ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 5.1% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
รวมถึงราคาขายปลีกที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน เมื่อพิจารณาเป็นรายชนิดประกอบด้วย แก๊สโซฮอล์95 ลดลงมาอยู่ที่ 17.77 ล้านลิตร/วัน แต่ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 56.2% รองลงมาคือแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.59 ล้านลิตร/วัน เป็นผลจากราคาขายปลีกของแก๊สโซฮอล์ 91 ที่ราคาต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เฉลี่ยอยู่ที่1.01 บาท/ลิตร ทำให้ประชาชนบางส่วน จึงหันไปใช้แก๊สโซฮอล์ 91 แทน สำหรับแก๊สโซฮอล์ อี20 ลดลงมาอยู่ที่5.48 ล้านลิตร/วัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.42 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.07 ล้านลิตร/วัน
ด้านการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการ เฉลี่ยอยู่ที่ 67.48 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 3.2% ประกอบด้วย ดีเซลหมุนเร็วธรรมดา เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 67.33 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเติบโตของภาคการขนส่ง
สำหรับดีเซลหมุนเร็วบี20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.15 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงมีมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 33 บาท/ลิตร จนถึงวันที่ 31 ต.ค.67 ในขณะที่ดีเซลพื้นฐาน ลดลงมาอยู่ที่ 1.80 ล้านลิตร/วัน โดยน้ำมันกลุ่มดีเซลภาพรวมอยู่ที่ 69.28 ล้านลิตร/วัน
ในส่วนการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 15.61 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 17.3% โดยมีปัจจัย มาจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว ผลจากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนไม่น้อยกว่า 35 ล้านคนภายในปี 67 นี้
ส่วนการใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 18.81 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 3.4% ประกอบด้วยภาคปิโตรเคมี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.76 ล้านกก./วัน โดยดัชนีผลผลิตการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเดือนกรกฎาคม ปี 2567
ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.74 ล้านกก./วัน และภาคขนส่ง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.32 ล้านกก./วัน ในขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม ลดลงมาอยู่ที่ 1.99 ล้านกก./วัน
การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.85 ล้านกก./วัน ลดลง 17.1% โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสม และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลง
นายสราวุธ กล่าวว่า สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,049,118 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 0.5% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 99,254 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 983,502 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น1.6% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 94,516 ล้านบาท/เดือน
สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 65,615 บาร์เรล/วัน ลดลง 12.6% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 4,738 ล้านบาท/เดือน
ทั้งนี้ ในด้านการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 171,566 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 4.4% เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซินน้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 17,544 ล้านบาท/เดือน
