นายกฯเศรษฐาลุยเปิดงานเอง “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” เย็นนี้ 28 มี.ค.67 ตอน 17.00 น. ททท.ยกเมืองไทยทั้งประเทศมาไว้ในศูนย์สิริกิติ์ 28 มี.ค.- 1 เม.ย.67 ดึงเม็ดเงิน 1,500 ล้านกระจายเที่ยวเมืองหลักเมืองรอง
- นายกเศรษฐาเปิดเทศกาลเที่ยวเมืองไทยดันรายได้กระจาย5ภาค 1,500 ล้านบาท
- สุดาวรรณพรีเซนเตอร์ซอฟท์พาวเวอร์ผ้าพื้นเมือง 3 จังหวัดแดนใต้อีสาน
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางมาเปิดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ครั้งที่ 42 ประจำปี 2567ด้วยตนเอง ในเย็นวันนี้ พฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 17.00 น. ที่บริเวณฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะจัดต่อเนื่องยาวถึง 5 วัน 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2567 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้ภายในงาน 90 ล้านบาท และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการเดินทางกระจายรายได้ต่อเนื่องตลอดปีนี้อีกกว่า 1,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน รมว.สุดาวรรณ ได้นำเสนอซอฟท์ พาวเวอร์ แฟชั่น ผ้าพื้นเมืองภาคใต้ 5 ดีไซน์ เป็นของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 3 ลาย ได้แก่ ผ้าลายชบาปัตตานี ผ้าลายสีมายา ดอกพิกุลประจำจังหวัดยะลา ผ้าลายเมอรารอ จังหวัดนราธิวาส และภาคอีสาน อีก 2 ลาย ได้แก่ ผ้าไหมปักธงชัย จังหวัดนคราชสีมา และ ผ้าไหมอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น
ส่วนการออกแบบภายในฮอลล์การจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ปี 2567 ตลอดสัปดาห์นี้ ททท.ได้ยกสินค้า ซอฟท์ พาวเวอร์ และวัฒนธรรมย่อย (Sub-Culture) เปิดให้ชมและช้อปในหมู่บ้าน 5 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคตะวันออก นำเสนอจุดขายตอกย้ำเอกลักษณ์ท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวแต่ละภูมิภาค ด้วยไฮไลต์เส้นทางท่องเที่ยวหลักเชื่อมโยงสู่เมืองรองทั่วประเทศ ทั้งประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ชวนแวะมาชมได้ 9 โซนหลัก
โซนที่ 1 Amazing Thailand ท่องเที่ยวเหนือระดับผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ LED Box จอภาพขนาดใหญ่พร้อมมุมมองภาพรอบตัวและAmazing Thailand VR Dome การผจญภัยเสมือนจริงตามท่องเที่ยวต่าง ๆ
โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก “Colorful Burapha” นำเสนอแลนด์มาร์ก ประภาคารบางเบ้า เกาะช้าง จ.ตราด และหัวแหวนพลอย จ.จันทบุรี ตอกย้ำความอุดมสมบูรณ์วัฒนธรรมอาหาร ยกทัพอาหารทะเลและอาหารถิ่นมาพร้อมเสิร์ฟ กว่า 50 ร้าน
โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลางโดดเด่นด้วยแลนด์มาร์ก หมู่เรือนไทยภาคกลาง ประดิษฐานพระแก้วมรกตให้ผู้เข้าชมร่วมสักการะ พร้อมรื่นเริงไปกับธีม “งานวัด” ไฮไลต์ด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ตู้คีบมนุษย์ สอดแทรกตกแต่งบรรยากาศสงกรานต์มนต์รักลูกทุ่ง พร้อมได้จำลองตลาดบก-ตลาดน้ำ และการเปิดสังเวียนมวยลพบุรี
โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ ชวนมาแอ่วเมืองล้านนาในคอนเซปต์ “Faithival #เล่าเรื่องป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ผสมผสานความร่วมสมัยชมงานวัดภาคเหนือ เช็กอินแลนด์มาร์ก องค์พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง ทำบุญสรงน้ำพระแก้วมรกตลำปาง ปักตุงมงคล ชิมอาหารพื้นเมือง เช่น ข้าวซอยใบเหมี้ยง จ.ลำปาง ข้าวเปิ๊บ บ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย
โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้ ต้อนรับหลบเรินอย่างอบอุ่นในคอนเซ็ปต์ “Southern Village หมู่บ้านภาคใต้ #หลบใต้บ้านเรา” สัมผัสพหุวัฒนธรรมตั้งแต่ซุ้มประตูสีสันร่วมสมัยลายผ้าปาเต๊ะ ผ้าบาติก ลูกปัดโนรา แล้วเช็กอินแลนด์มาร์ก “หอนาฬิกาเมืองเบตง” จ.ยะลา เดินชิมอาหารปักษ์ใต้รสชาติอร่อย
โซนที่ 6 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลงรักถิ่นอีสานในคอนเซ็ปต์ “Isan Festi “เว้า” #เล่าเรื่องเมืองอีสาน” บอกเล่าความเป็นอีสานด้วยสีสันสดใสพร้อมแลนด์มาร์ก “บั้งไฟตะไลล้าน” จากบ้านกุดหว้า จ.กาฬสินธุ์ และจุดถ่ายภาพ อีสาน ซอฟท์ พาวเวอร์ อย่าง หน้ากากผีตาโขน มวยโบราณ ซุ้มประตูประเพณีแห่ต้นดอกไม้ จ.เลย
โซนที่ 7 บูธของพันธมิตรท่องเที่ยวไทย ได้รวมดีลสุดพิเศษนำเสนอแพกเกจราคาสบายกระเป๋า ขายผ่านห้าง ททท.
โซนที่ 8 จัดเต็มความสนุกสนาน ด้วยการแสดงดนตรีศิลปินที่มีชื่อเสียงทุกวัน จากทั้งส่วนกลาง และดาวเด่นทั่วไทยจากทั้ง 5 ภูมิภาค
โซนที่ 9 Sustainable Tourism Goals ตอกย้ำการขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน ชวนทุกคนออกเดินทางไปสัมผัสถึงประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม อย่างมีธรรมาภิบาล
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท.ทั่วประเทศ พร้อมใจกันยกเมืองไทยทั้งประเทศ มาไว้กลางกรุง ตอบโจทย์ความชอบเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองกันอย่างจุใจในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยต่อเนื่องถึงมหาสงกรานต์เมษายน 2567-เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน
