ดาวโจนส์ปิดบวก 125 จุด คาดเงินเฟ้อสหรัฐลดต่อเนื่อง

ลดดอกเบี้ย ดัชนีดาวโจนส์
สถานการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐ

ดาวโจนส์ปิดบวก 125 จุด มีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง หนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮ นักลงทุนติดตามกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือน ม.ค.ในวันนี้

  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้
  • ตลาดมองแนวโน้มเงินเฟ้อชะลเป็นผลดีต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • นักลงทุนซื้อหุ้นสะสม ส่งผลดัชนีดาวโจนส์ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 12 ก.พ.67 ที่ 38,797.38 จุด เพิ่มขึ้น 125.69 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,021.84 จุด ลดลง 4.77 จุด หรือ -0.09% และดัชนีแจสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่15,942.55 จุด ลดลง 48.11 จุด หรือ -0.30%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 3.4% ในเดือน ธ.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ3.9% ในเดือน ธ.ค.

นอกจากดัชนี CPI แล้ว นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

นักวิเคราะห์ปนะเมินว่า ดัชนี CPI ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ เป็นข้อมูลสำคัญที่จะชี้ทิศทางว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

แม้เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณก่เนหน้า ว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง52.2% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ค. จากก่อนหน้านี้ที่เคยให้น้ำหนักสูงกว่า 95%

นึกลงทุนยังซื้อขาย โดยดูผลประกอบการบริษัทที่ทยอยประกาศออกมา โดนในระหว่างวัน มูลค่าตลาดของบริษัทอินวิเดียพุ่งขึ้นแซงหน้ามูลค่าตลาดของบริษัทอะเมซอน เนื่องจากกระแสความนิยมชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้อินวิเดียเป็นบริษัทสหรัฐที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 4

อย่างไรก็ตาม เมื่อปิดตลาด มูลค่าตลาดของอินวิเดียยังคงตามหลังอะเมซอน โดยหุ้นอินวิเดียปิดตลาดขยับขึ้น 0.16% ขณะที่หุ้นอะเมซอนปิดตลาดร่วงลง 1.2%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่หุ้นไดมอนด์แบค เอนเนอร์จี (Diamondback Energy) ทะยานขึ้น 9.4% หลังจากไดมอนด์แบคประกาศข้อตกลงซื้อกิจการบริษัทเอนเดเวอร์ เอนเนอร์จี พาร์ทเนอร์ส (Endeavor Energy Partners) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่สุดในแหล่งเพอร์เมียน (Permian Basin) โดยข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์