SME D Bank ทำนิวไฮปี 66 ดึงเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 7 หมื่นล้าน

SME D Bank ทำนิวไฮปี 66 พาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 7 หมื่นล้านบาท โชว์แก้หนี้เสียลดเหลือ 8 พันล้านบาท คิดเป็น 8.3% ต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี

  • ชูธงเติมทุนคู่พัฒนา 4 ปี ดันเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท
  • ประกาศปี 67 ยกระดับสู่ยุคดิจิทัลแบบสมบูรณ์ คิกออฟใช้ระบบ CBS พร้อมแพลตฟอร์ม DX
  • วางเป้าหมายปีนี้ ลุยปล่อยสินเชื่อช่วย SMEs แบบฉ่ำๆ 90,000 ล้านบาท

น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของธนาคาร ปี 2566 และภาพรวมตลอด 4 ปี (2563-2566) ว่าจากจุดยืนการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตยั่งยืน ส่งผลให้ปี 2566 ที่ผ่านมา SME D Bank ได้สร้างสถิติใหม่สูงสุด นับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมาใน 22 ปี โดยสามารถพาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 70,695 ล้านบาท และยังเป็นการสร้างนิวไฮ ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน (2563-2566) อีกทั้ง ช่วยสร้างประโยชน์เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 323,780 ล้านบาท รักษาการจ้างงานประมาณ 123,200 ราย นอกจากนั้นช่วยพัฒนาเสริมแกร่งธุรกิจอีกกว่า 24,000 ราย

ทั้งนี้ ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 SME D Bank ได้ช่วยเหลือดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิด เพื่อประคับประคองธุรกิจ โดยเติมทุนช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 231,250 ล้านบาท ก่อให้เกิดประโยชน์สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานได้ประมาณ 752,345 ราย ควบคู่กับช่วยพัฒนาเสริมศักยภาพ ให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและกลับมาฟื้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อบรม สัมมนา ช่วยขยายตลาด ยกระดับมาตรฐาน พาจับคู่เพิ่มช่องทางขายทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังดูแลลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน(ฟ้า-ส้ม) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กว่า 83,520 ราย วงเงินรวมกว่า 145,240 ล้านบาท อีกทั้งสามารถบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อย่างมีประสิทธิภาพ ลงลด 4 ปีติดต่อกัน เหลือเลข 1 หลัก 2 ปีซ้อน โดยปี 2566 ลดเหลือประมาณ 8,690 ล้านบาท คิดเป็น 8.3% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี

“ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา SME D Bank เพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับการทำงาน อีกทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อตอบความต้องการ ปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์จริง ควบคู่กับสร้าง DNA แห่งการเป็นนักพัฒนา ในหัวใจของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกคน เพื่อจะพาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน” น.ส.นารถนารี กล่าว

น.ส.นารถนารี กล่าวด้วยว่า สำหรับปี 2567 การทำงานของ SME D Bank ต้องยกระดับไปอีกขั้น โดยจะนำระบบดิจิทัลใหม่ หรือ Core Banking System (CBS) ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปี มาใช้งานอย่างเป็นทางการสามารถให้บริการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ครบวงจร ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง สะดวด รวดเร็วและปลอดภัย นอกจากนั้น ยังมีแพลตฟอร์ม DX (Development Excellent) ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือน มี.ค. 2567 ซึ่งเป็นระบบพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ สร้างสังคมของการเรียนรู้ e-Learning สามารถปรึกษาโค้ชมืออาชีพแบบตัวต่อตัว รวมถึงยังช่วยเพิ่มช่องทางขยายตลาด

“ผลงานที่ผ่านมา ถือว่าธนาคารสามารถบริหารจัดการแก้ปัญหาหนี้เสียให้ลดลงมาได้อย่างต่อเนื่อง จากในอดีตที่หนี้เสียพุ่งถึง 22% โดยขณะนี้ ธนาคารมีเอสเอ็มอีที่เป็นกลุ่มอ่อนแอ อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารก็ได้ตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีไว้สูงกว่า 103.4% ซึ่งถือว่ามีความแข็งแกร่ง ทั้งนี้ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อช่วยเอสเอ็มอีไว้ที่ 90,000 ล้านบาท” น.ส.นารถนารี กล่าว