ยสท. ชี้จัดเก็บภาษีบุหรี่อัตราเดียว คุมบุหรี่เถื่อนไม่ได้



การยาสูบฯ เผยชัดโครงสร้างภาษีบุหรี่อัตราเดียว ควบคุมบุหรี่เถื่อนไม่ได้ ลั่นไม่เหมาะกับทุกประเทศทั่วโลก

  • ชี้นโยบายด้านภาษี ไม่ควรคำนึงถึงอัตราสัดส่วนจัดเก็บภาษีเพียงอย่างเดียว
  • ควรพิจารณารอบด้าน ทั้งมิติทางด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ และทางสังคม ผู้มีผลกระทบ
  • พร้อมแจงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยาสูบไทย

นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีบุหรี่ใหม่ โดยอาจใช้โครงสร้างภาษีอัตราเดียวตามที่ส่วนใหญ่ใช้กันคือเก็บภาษีตามปริมาณอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมา ยสท. ได้มีการศึกษาเรื่องการจัดเก็บภาษีบุหรี่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่า มีการจัดเก็บภาษีบุหรี่ในอัตราที่สูงขึ้น โดยมุ่งหวังแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ลดปริมาณการบริโภค และเพิ่มรายได้ให้แก่ภาครัฐ

นอกจากนี้ นโยบายด้านภาษีไม่ควรคำนึงถึงอัตราสัดส่วนในการจัดเก็บภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาให้รอบด้านในกรอบของ 3 มิติ คือ มิติทางด้านสุขภาพ มิติทางด้านเศรษฐกิจ และมิติทางสังคม ผู้มีผลกระทบ จากการศึกษาข้อมูลประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ต่างก็ใช้โครงสร้างภาษีอัตราเดียว (เก็บภาษีตามปริมาณ) ซึ่งยังคงแก้ไขปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายไม่ได้

ในขณะที่ประเทศเวียดนาม และเมียนมาร์ นั้น จัดให้สินค้ายาสูบเป็นสินค้าพิเศษและมีการผูกขาดโดยรัฐ หรือมีมาตรการทางภาษีที่ช่วยปกป้องอุตสาหกรรมยาสูบ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ประเด็นเรื่องการจัดเก็บภาษีบุหรี่นั้น ยสท. มองว่าการใช้โครงสร้างภาษีอัตราเดียว หรือ Single Tier อาจมีความเหมาะสมและใช้ได้กับในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก แต่ไม่เหมาะสมกับประเทศที่มีปัญหาเรื่องบุหรี่ผิดกฎหมาย เพราะไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ผิดกฎหมายได้อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม เนื่องจากบุหรี่ผิดกฎหมายไม่ได้เสียภาษีเข้ารัฐ จึงมีราคาถูกกว่าบุหรี่ถูกกฎหมาย 2 – 3 เท่าตัว เมื่อบุหรี่แพงขึ้นจนเกินกำลังซื้อของประชาชน ก็จะยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้คนหันมาสูบบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้น

“ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายอย่างหนักหน่วง ผลพวงจากการปรับโครงสร้างภาษีที่ผ่านมา ส่งผลให้บุหรี่ต่างประเทศนำเข้า ใช้กลยุทธ์ปรับลดราคาขายปลีกซึ่งสวนทางกับภาษี ผู้บริโภคจึงหันไปสูบยาเส้นและบุหรี่ต่างประเทศนำเข้ามากขึ้น ฉะนั้นหากมีการปรับโครงสร้างภาษีเป็นอัตราเดียว จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อตลาดบุหรี่ถูกกฎหมาย และผู้ประกอบการ ตลอดจนรายได้การจัดเก็บภาษีของรัฐ และการลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนก็อาจทำได้ไม่สำเร็จ เพราะประชาชนหันไปบริโภคยาเส้นและบุหรี่ผิดกฎหมายมากขึ้น”

นายภูมิจิตต์ กล่าวต่อว่า ในประเด็นนี้ ทาง ยสท. จึงมีความเห็นว่า การปรับอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ของประเทศไทยควรพิจารณาถึงปัจจัยหลัก ได้แก่ ลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ลดผลกระทบที่เกิดกับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบในประเทศ สามารถแก้ปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายได้เห็นผลเป็นรูปธรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ซึ่งรัฐเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากภาคส่วนนี้โดยตรง

นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบกับ ยสท. ทั้งโดยตรงและในภาพรวมอีกหลายด้าน โดยเฉพาะเกษตรกรชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ของ ยสท. ที่ลดลง ทำให้ ยสท. จำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิตลงด้วยการตัดโควตารับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรลดลง 50% ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ซึ่งประกอบด้วยชาวไร่และผู้เกี่ยวข้องกว่า 500,000 ราย ทำให้รัฐ และ ยสท. ต้องเพิ่มเงินสนับสนุนให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการลดโควตาการปลูกใบยาสูบประมาณกว่า 1,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ยสท. ให้การสนับสนุนชาวไร่ยาสูบตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูกจนถึงกระบวนการรับซื้อใบยา นอกจากนี้ยังจัดหาใบยาสูบจากผู้บ่มอิสระอีกจำนวนหนึ่งด้วย ปัจจุบัน ยสท. มีโควตาการรับซื้อใบยาเวอร์ยิเนีย 4.73 ล้านกิโลกรัม ใบยาเบอร์เลย์ 7.1 ล้านกิโลกรัม และใบยาเตอร์กิซ 2 ล้านกิโลกรัม แต่จากสถานการณ์ใบยาโลก ในปี 2566 ใบยาเบอร์เลย์ในตลาดโลกขาดแคลน ส่วนใบยาเตอร์กิซมีราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดโลก ไทยจึงสามารถแข่งขันได้ เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด

ในขณะที่ใบยาเวอร์ยิเนียนั้น มีราคาสูงกว่าราคาตลาดโลก จึงยากในการที่จะระบายใบยาออกตลาดโลก ประกอบกับทาง ยสท. มีใบยาเวอร์ยิเนียคงคลังมากกว่า 2.9 ล้านกิโลกรัม ซึ่ง ยสท. ยินดีแบกรับและช่วยเหลือชาวไร่และผู้บ่มใบยาเวอร์ยิเนียอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ยสท. มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการส่งออกใบยาเบอร์เลย์และใบยาเตอร์กิซเป็นหลัก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ ยสท. มีนโยบายรับซื้อใบยาเบอร์เลย์และใบยาเตอร์กิซจากชาวไร่เพิ่มขึ้น โดยไม่มีขีดจำกัด พร้อมทั้งส่งเสริมการเพาะปลูก ขยายพื้นที่เพาะปลูก และเพิ่มจุดรับซื้อใบยา แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำโดยการสนับสนุนบ่อบาดาลน้ำตื้นและระบบน้ำหยดเพื่อการเกษตร

สำหรับชาวไร่ยาสูบเวอร์ยิเนีย ยสท. ได้ให้ความช่วยเหลือโดยการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนการใช้สารเคมี และพร้อมส่งเสริมให้ชาวไร่ยาสูบเวอร์ยิเนียปรับเปลี่ยนมาปลูกใบยาเบอร์เลย์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ ในอนาคต ยสท. ยังมีนโยบายที่จะปรับขึ้นราคารับซื้อใบยาสูบ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชาวไร่ยาสูบอีกด้วย

“ผลกระทบจากการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตทำให้ปริมาณการสูบบุหรี่ถูกกฎหมายในประเทศไทยหดตัวลดลงเป็นอย่างมาก โดยในปี 2566 ภาษีทั้งหมดที่เก็บได้จากการขายบุหรี่อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท แต่เป็นรายได้ที่ถูกบุหรี่หนีภาษีลิดรอนไปแล้วถึง 25% หรือคิดเป็นมูลค่าภาษีที่หายไปกว่า 23,000 ล้านบาท ที่ผ่านมา การลักลอบนำบุหรี่ผิดกฎหมาย ทั้งบุหรี่ปลอมเครื่องหมายการค้าของ ยสท. และบุหรี่หนีภาษี ซึ่งมีราคาถูกกว่าบุหรี่ในประเทศหลายเท่าตัวเข้ามาจำหน่ายในประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีปริมาณการสูบบุหรี่เถื่อนมากกว่า 70% ของการสูบบุหรี่ทั้งหมดในพื้นที่ภาคใต้”

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการแพร่ระบาดของบุหรี่ผิดกฎหมายในปี 2566 พบว่าแนวโน้มบุหรี่ที่มิได้เสียภาษีมีสัดส่วนสูงถึง 22.3% เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2565 ที่มีสัดส่วนเพียง 15.5% นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจุบันมีบุหรี่ที่มิได้เสียภาษีแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้น และเติบโตอย่างรวดเร็วเกือบ 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้นับตั้งแต่มีการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ปีงบประมาณ 2561 จนถึงปีงบประมาณ 2566 ผลการปราบปรามพบคดีบุหรี่ผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 50,963 คดี รวมของกลางทั้งสิ้น 33,490,246 ซอง