บอร์ด รฟท. อนุมัติจัดหารถโดยสาร พร้อมอะไหล่ 182 คัน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท



บอร์ด รฟท. อนุมัติโครงการจัดหารถโดยสาร พร้อมอะไหล่ 182 คัน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 50 ปี หวังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนขบวนรถด่วนพิเศษ และขบวนรถด่วน พร้อมอะไหล่ จำนวน 182 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,502,100,000.00 บาท ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟฯ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้การรถไฟฯ ผลักดันโครงการดังกล่าว เพื่อนำมาทดแทนรถโดยสารเดิม ที่มีอายุการใช้งานมานานกว่า 50 ปี ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งทางราง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการให้บริการ

ทั้งนี้ โครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน จำนวน 182 คัน พร้อมอะไหล่ สำหรับให้บริการขนส่งผู้โดยสารในขบวนรถด่วนพิเศษและขบวนรถด่วน 14 ขบวน (รวมขบวนสำรอง) เพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกกลุ่ม ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย และแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ซึ่งจะเพิ่มบทบาทการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายวีริศ กล่าวว่า จากสถิติก่อนและหลังการให้บริการของขบวนรถชุด 115 คัน ซึ่งเป็นขบวนรถโดยสารชุดล่าสุดที่การรถไฟฯ จัดหาและนำมาให้บริการ เมื่อปี 2560 นั้น มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากปี 2559 กว่า 7 แสนคน และในปี2567 มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 1.84 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้บริการของผู้โดยสารในปัจจุบัน

สำหรับขบวนรถรถโดยสารชุด 182 คัน เป็นขบวนรถโดยสารปรับอากาศทั้งขบวน และมีการเพิ่มจำนวนรถโดยสารชนิดนอนปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 2 – 3 คัน รวมถึงการเพิ่มชนิดรถโดยสารประเภทนั่งปรับอากาศ จำนวน 2 – 3 คันมาให้บริการเป็นทางเลือกตามความต้องการของผู้ใช้บริการอีกด้วย ซึ่งจะรองรับจำนวนผู้ใช้บริการต่อตู้ได้เพิ่มขึ้นและสามารถเพิ่มความเร็วสูงสุดจากเดิม 90 กม./ชม. เป็น 120 กม./ชม. ทำให้ผู้ใช้บริการเดินทางถึงจุดหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนด้านความปลอดภัย มีการเพิ่มระบบ CCTV ภายในห้องโดยสาร และบันไดประตูปิด – เปิดอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังรองรับการให้บริการทั้งสถานีชานชาลาต่ำและชานชาลาสูง พร้อมลิฟต์ในการให้บริการสำหรับผู้พิการในกรณีสถานีมีชานชาลาต่ำอีกด้วย ที่สำคัญ ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงต่อคันได้มากถึง 30% เมื่อเทียบกับขบวนรถเดิม

การรถไฟฯ มีแผนการพ่วงขบวนรถด่วนพิเศษและขบวนรถด่วน ที่จะนำมาทดแทน จำนวน 12 ขบวน ประกอบด้วย

– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่

– ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่

– ขบวนรถด่วนที่ 67/68 กรุงเทพอภิวัฒน์ – อุบลราชธานี

– ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพอภิวัฒน์ – สุไหงโก-ลก

– ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตรัง

– ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพอภิวัฒน์ – นครศรีธรรมราช

สำหรับขั้นตอนจากนี้ จะนำเสนอรายงานต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการดังกล่าว การรถไฟฯ จะประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอประกวดราคาและน่าจะพิจารณาผลการคัดเลือกได้ภายในปี 2569 คาดว่า จะสามารถรับรถงวดแรกได้ประมาณช่วงต้นปี 2571

ซึ่งสอดคล้องกับโครงการทางคู่ 7 เส้นทาง ระยะทาง 993 กิโลเมตร และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ระยะทาง 678 กิโลเมตร รวมถึงการซื้อรถจักรใหม่ 50 คัน และโครงการทางคู่ระยะที่ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,488 กิโลเมตร ทั้งนี้ การรถไฟฯ มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และประสิทธิภาพในการให้บริการโดยสารเชิงพาณิชย์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การรถไฟแห่งประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รฟท. เสนอขอ ครม. กู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน 17,500 ล้านบาท