“พิชัย” เผยประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจนัด 19 พ.ย.นี้ เตรียมหารือหลายประเด็น เน้นเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจหวังขยับจีดีพีโตเกินกว่า 3% เผยดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 2 ยังพิจารณาอยู่ รอดูสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศก่อน
- เผยยังหวังปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน ลั่นได้หารือสถาบันการเงินแล้ว
- ชี้สิ่งที่รัฐบาลจะทำ คือเข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้เก่า ให้จ่ายหนี้ลดลง ยืดหนี้ออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
- เผยเรื่องประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่จบการสรรหาแล้ว ตนยังไม่ได้รับรายงานในรายละเอียด
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย. 67 ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ในการประชุมในวันนั้น จะมีการหารือกันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจ การลงทุน และเรื่องอื่น ๆ เนื่องจากการที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญ โดยรัฐบาลอยากเห็นเศรษฐกิจเติบโตให้เกินกว่า 3%
ทั้งนี้ ในส่วนเรื่องโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ในเฟส 2 เรื่องนี้ก็จะมีแนวทางที่ต้องหารือกันในหลักเกณฑ์ ที่จะดำเนินการในระยะต่อไป เพราะรัฐบาลเพิ่งจะเติมเงินให้กลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน ไปเมื่อช่วงเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
โดยในเฟสถัดไป ก็อาจจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมว่าจะออกมาตรการตอนไหนดี เพราะถ้าจริงๆ หากเศรษฐกิจโต ก็อาจยังไม่ต้องใช้มาตรการดังกล่าว แต่ถ้าเศรษฐกิจยังไม่โต ก็ต้องทำมาตรการนี้ ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นต่อไป
นายพิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับดิจิทัล วอลเล็ต นั้นเป็นเครื่องมือที่ได้ประโยชน์หลายด้าน คือมองว่าทำให้คนไทยได้เรียนรู้ระบบดิจิทัล ซึ่งก็สามารถเชื่อมกับนโยบายภาครัฐได้ในอนาคต ซึ่งเป็นนโยบายหลักๆ ที่รัฐบาลอยากเห็น แต่ต้องดูความพร้อมของระบบ ถ้าในช่วงเวลาที่จะใช้มาตรการ ระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความพร้อมก็อาจจะพิจารณาใช้ในส่วนนี้ได้
ขณะเดียวกันรัฐบาลจะมีการรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งได้มีการหารือกับสถาบันการเงินแล้ว โดยสิ่งที่รัฐบาลจะทำคือ เข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้เก่า อาทิ การให้จ่ายหนี้ลดลง การยืดหนี้ออกไปเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกหนี้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ลูกหนี้สามารถไปต่อได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งทำ คือการผลักดันให้ประชาชน มาความสามารถที่จะเข้าถึงสินเชื่อให้มากขึ้น สิ่งที่ต้องดำเนินการก็คือ การแก้ปัญหาหนี้เก่าให้กลุ่มนี้ให้ได้
“สิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นจากนี้ คือการเข้าไปช่วยให้ประชาชน มีภาระการผ่อนลดลง แต่ตัวหนี้เท่าเดิม เพื่อไม่สร้างวินัยทางการเงินที่ไม่ถูกต้อง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการแฮร์คัท หรือลดตัวหนี้ให้ เพราะเรื่องแฮร์คัทที่ผ่านมา เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เป็นการคุยกันระหว่างลูกหนี้กับสถาบันการเงินแต่ละรายมากกว่า
โดยตอนนี้ข้อเสนอใหญ่ ๆ มีการหารือกันแล้ว ซึ่งก็ยังเหลือบางเรื่อง ที่ต้องตกลงในรายละเอียดกันอยู่ โดยส่วนตัวอยากให้จบโดยเร็วที่สุด ถ้าจบก็จะเร่งเสนอให้คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เลย แต่ถ้าไม่จบก็ต้องรายงานความคืบหน้า”
นอกจากนี้ นายพิชัย ยังกล่าวถึง ข้อเสนอของสถาบันการเงิน ในการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) ลง 0.23% นั้น ถือเป็นรายละเอียดใหญ่ๆ ที่มองว่า หากเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนก็ต้องทำ
ขณะที่การสรรหาประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีการเลือก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลการสรรหา จากคณะกรรมการสรรหาบุคคล เข้ารับตำแหน่งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่อย่างใด โดยตนก็ยังไม่ทราบในรายละเอียด ซึ่งที่ทราบ ก็เป็นรายละเอียดที่มาจากข่าวที่สื่อมวลชนลงเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ขุนคลังชี้ไทย มีการลงทุนต่ำ ชู 5 นโยบายเด็ด กระตุ้นเศรษฐกิจไทย