“สุริยะ” แสดงความเสียใจ กรณีรถบัสนำคณะนักเรียน-ครู ไปทัศนศึกษาเกิดเหตุไฟไหม้



“สุริยะ” แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กรณีรถบัสนำคณะนักเรียน-ครู ไปทัศนศึกษาเกิดเหตุไฟไหม้ พร้อมขานรับข้อสั่งการ “นายกฯ” ถกร่วมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือ ผู้ประสบสาธารณภัย เร่งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต-ผู้ได้รับบาดเจ็บ

  • ระบุกรณีเสียชีวิต ได้รับค่าเสียหายจากกองทุนฯ-ประกันภัยรถ รายละ 2.4 ล้านบาท
  • สั่งวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย
  • จ่อเรียกรถโดยสารสาธารณะติดตั้งเชื้อเพลิง CNG ตรวจสภาพรถทุกคัน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้ตนสั่งการให้คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

จากเหตุการณ์รถโดยสารไม่ประจำทาง 30-0423 สิงห์บุรี (รถโดยสารชั้นเดียว ปรับอากาศ) มีผู้โดยสารเป็นนักเรียนจำนวน 39 คน และครูจำนวน 6 คน เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าเซียร์รังสิต ตำบลคูคตอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย (รอการยืนยันอัตลักษณ์) (นักเรียน 20 ราย ครู 3 ราย), บาดเจ็บ (Admit) ได้แก่ นักเรียน 3 ราย และกลับบ้าน ได้แก่ นักเรียน 16 ราย และครู 3 ราย รวม 19 ราย

โดยจากเหตุดังกล่าวนั้น รัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และเยียวยา พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก

“ตนต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อบิดา มารดา ครอบครัวและญาติ ของเด็กนักเรียน และครูที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บทุกคน พร้อมทั้งขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้หายเจ็บป่วยโดยเร็ว” นายสุริยะ กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับการเยียวยาต่อครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บนั้น จากการหารือร่วมกับคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เบื้องต้น ผู้เสียชีวิต จะได้รับการเยียวยา รวม 2,400,000 บาทประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรณีเสียชีวิต 200,000 บาท, กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี กรณีเสียชีวิต 1,000,000 บาท

กระทรวงศึกษาธิการ กรณีเสียชีวิต 180,000 บาท, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทุนคุ้มครองเด็ก มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เยียวยา 10,000 บาท กรณีเสียชีวิต 10,000 บาท

นอกจากนี้ รถโดยสารคันดังกล่าว ได้ทำประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) บริษัท วิริยะประกันภัย จากัด (มหาชน) ซึ่งผู้เสียชีวิต จะได้รับค่าเสียหาย รายละ 500,000 บาท, ผู้ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับค่ารักษาพยาบาลรายละไม่เกิน 80,000 บาท/ราย (รวมแล้วไม่เกิน 10 ล้านบาท/ครั้ง)

อีกทั้ง ยังมีประกันภัยภาคสมัครใจโดย บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) นั้น ผู้เสียชีวิต หรือ ผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รายละไม่เกิน 500,000 บาท/ราย (รวมแล้วไม่เกิน 10 ล้านบาท/ครั้ง) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะมีกองทุนเพื่อเยียวยาเพิ่มเติมอีกต่อไป

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ จากการรายงานของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุว่า รถคันเกิดเหตุเป็นรถโดยสารชั้นเดียว ยางล้อหน้าทั้งซ้ายและขวา ไม่พบร่องรอยการระเบิด ประตูฉุกเฉินด้านหลังขวาสามารถใช้งานได้ มีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยครบ ได้แก่ ประตูฉุกเฉิน ทางออกฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก

ซึ่งทีมสอบสวนอุบัติเหตุกรมการขนส่งทางบก จะร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐานทำการลงพื้นที่ตรวจสอบเชิงลึกในวันนี้ (2 ต.ค.) โดยใช้เครื่องมือในการตัด ถ่าง ยกรถ ถอดล้อ เพื่อตรวจสอบการติดตั้งก๊าซ CNG ระบบห้ามล้อ ระบบบังคับเลี้ยว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้

ขณะที่ มาตรการการบังคับใช้กฎหมายในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งและผู้ขับรถ โดย ขบ.ได้สั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการขนส่งของนางสาวปาณิสรา ชินบุตร ในทันที และหากตรวจสอบพบว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากความบกพร่องผู้ประกอบการขนส่ง จะทำการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งต่อไป

ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของนายสมาน จันทร์พุฒ ในทันที และหากตรวจสอบพบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากผู้ขับรถจะทำการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต่อไป อีกทั้งสั่งยกเลิกการขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) ของนางกนิษฐา ชินบุตร

พร้อมทั้งตรวจสอบการดำเนินงานของสถานติดตั้งตรวจ และทดสอบรถที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง บริษัท ออลเทอร์เนทีฟ รีซอส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หากพบว่ามีความผิดจะเพิกถอนหนังสือรับรองฯ ต่อไป

ในส่วนของมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำนั้น ขบ. เตรียมเรียกรถโดยสารสาธารณะที่ติดตั้งเชื้อเพลิง CNG ทั้งหมด เข้ารับการตรวจสภาพระบบเชื้อเพลิง CNG ซ้ำ ณ สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ รวมถึงกำหนดมาตรฐานการใช้รถโดยสารสาธารณะไปทัศนศึกษา กล่าวคือ การเลือกใช้ผู้ประกอบการขนส่งและยานพาหนะที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดจะให้ความร่วมมือในการพิจารณาคัดเลือก

นอกจากนี้ ในส่วนมาตรการในการเดินทางสำหรับเด็กนักเรียนให้เกิดความปลอดภัย เช่น สัดส่วนครูต่อนักเรียนในการเดินทาง แนะนำการใช้อุปกรณ์นิรภัย (เข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจก ทางออกฉุกเฉิน ถังดับเพลิง เป็นต้น) ด้านการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะต้องมีการวางแผนการเดินทาง

โดยบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง TSM ได้แก่ การเลือกเส้นทาง การกำหนดจุดพัก การตรวจสภาพความพร้อมของรถและผู้ขับรถ พร้อมด้วยบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำคู่มือและให้สำนักงานขนส่งจังหวัดให้คำแนะนำ แก่โรงเรียนต่าง ๆ

กระทรวงคมนาคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดรายชื่อผู้สูญหาย จากเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา