

จุลพันธ์ เผยรัฐโอนเงินหมื่น กระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรก 3.17 ล้านรายเรียบร้อย เริ่มโอนเที่ยงคืนเสร็จสิ้น 07.30 น. ชี้ยังพบกลุ่มเปราะบางไม่ผูกพร้อมเพย์-บัตรคนพิการหมดอายุ วอนเร่งดำเนินการด่วน!
- เชื่อแจกเงินหมื่น ทำตลาดสด-ค้าปลีก-ค้าส่ง คึกคัก
- เผยประสานมหาดไทย จับตาเจ้าหนี้นอกระบบ หลังเปิดโอกาสนำเงินไปใช้หนี้ได้
- ชี้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการทบทวนทุก 2 ปี คาดจะเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง เม.ย.68
วันนี้ (25 ก.ย.67) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์กับกลุ่มสื่อมวลชน พร้อมด้วย นายพิชัย ชุณหวชิรรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ภายหลังร่วมงาน เปิดตัวโครงการ “เงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ” โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ โดยมี น.ส.แพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วม
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จำนวนผู้มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาท ในวันแรกอยู่ที่ 3,167,565 ราย โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็นผู้พิการที่ลงทะเบียนกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จำนวน 2.1 ล้านราย และที่เหลือคือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เลขบัตรประชาชนลงท้ายเลข 0 ซึ่งมีการเริ่มโอนตั้งแต่เวลา 00.00 น. และสำเร็จเสร็จสิ้นราว 07.30 น.
นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากจะมีการโอนเงินในส่วนยอดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเงินเดือนข้าราชการอีกด้วย จึงทำให้ระบบการโอนผ่านพร้อมเพย์ และโอนเงินเข้าบัญชีผู้พิการเกิดความล่าช้าเล็กน้อย
“โดยรวมกระบวนการทั้งหมดราบรื่น ไม่มีปัญหา ซึ่งสามารถตรวจสอบสิทธิได้ผ่านแอปพลิเคชัน รัฐจ่าย และเว็บไซต์ของทางกรมบัญชีกลาง หากประชาชนตรวจสอบสิทธิแล้ว ไม่พบรายชื่อ ก็จะได้รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบถัดไป” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวย้ำว่า มีกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ ในขณะนี้ จึงขอให้รีบดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์ ให้เรียบร้อยผ่านทาง ATM และสาขาธนาคารที่รับโอนเงิน
นอกจากนี้ ในส่วนผู้พิการอีก 90,000 กว่าราย ที่ยังมีสถานะต้องไปแก้ไข เช่น บัตรหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรผิดพลาดยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลในการรับโอนเงิน ก็ขอให้ประสานกับทาง พม. เพื่อแก้ไขสถานะของบัตรให้เรียบร้อยเช่นกัน
“หลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการโอนเงินซ้ำให้อีก 3 ครั้ง ภายในวันที่ 22 ต.ค. 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค. หากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น แต่หากมีผู้มีสิทธิที่ดำเนินการไม่ครบถ้วน จะถือว่าประสงค์ไม่รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว” นายจุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า กลุ่มเปราะบางจะนำเงิน 10,000 บาท ไปชำระหนี้นอกระบบ และทำให้ไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวตอบว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ กระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งาน ร่วมกับกระทรวงการคลัง ได้เดินหน้าตั้งแต่สมัยของอดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน และยังไม่ได้หยุด ซึ่งมีความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างเข้มข้นต่อเนื่อง
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนยังยืนยันว่าการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบ ที่คิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจมากที่สุด โดบหลังจากนี้ หากมีข่าวเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ที่เข้ามาทวงลูกหนี้อย่างไม่เป็นธรรมต้องเร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
”วันนี้เงินเข้าถึงมือพี่น้องกลุ่มเปราะบาง ก็ขอให้เขาได้มีโอกาสใช้เงิน ให้เป็นประโยชน์กับชีวิต จากการโอนเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ เชื่อเลยว่า ทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง ตลาดค้าปลีก มีความคึกคักมากแน่ ซึ่งนี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือจุนเจือ ลดภาระค่าครองชีพ ให้แก่กลุ่มเปราะบาง ทำให้เขาได้สร้างชีวิตช่วยเหลือครอบครัว“ นายจุลพันธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงสถานะของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกว่า จะมีการทบทวนทุก 2 ปี ซึ่งคาดว่า จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง ในช่วงเดือน เม.ย.68 โดยต้องผ่านการอนุมัติของ ครม. ก่อน
โดยหากประชาชนคนไหน เคยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้หมายความว่าจะได้สิทธิในรอบนี้ เนื่องจากบัตรของท่านไม่ได้อยู่ในกรอบของผู้ได้รับสิทธิ ซึ่งเกณฑ์การได้รับสิทธินั้น จะดูว่า ท่านได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือนตามสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 อยู่หรือไม่ หากได้รับก็จะได้รับเงิน 10,000 บาท
ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดเรื่องรายชื่อตกหล่น ทางภาครัฐ จะเปิดโอกาสให้มีการเข้ามาพูกคุยกับทางจังหวัด เพื่อสอบถามกับทางอำเภอ หรือเขตในท้องที่ เพื่อตรวจสอบสิทธิอีกครั้งต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม. อนุมัติ แจกเงิน กลุ่มเปราะบาง 1.45 แสนล้านบาท