

คลัง เผยการเตรียมความพร้อม ผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ เพื่อรับสิทธิตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี67 ผ่านผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ย้ำผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อย่าลืมไปผูกบัญชีพร้อมเพย์ กับเลขประจำตัวประชาชน ชี้สามารถผูกบัญชีกับธนาคารใดก็ได้ ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นธนาคารของรัฐเท่านั้น
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย.67 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ โดยภาครัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน จำนวนประมาณ 14.55 ล้านราย แบ่งเป็น 1.ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 12.40 ล้านราย และ 2.คนพิการ จำนวนประมาณ 2.15 ล้านราย ทั้งนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม ดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ทำการยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้ว ณ วันที่ 31 สิงหาคม2567 และคนพิการที่ได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทอยู่แล้ว ตามฐานข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 จะได้รับสิทธิในโครงการฯ โดยไม่ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ อีก
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จะได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
2.1 ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
2.1.1 บัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน
2.1.2 ยกเว้นกรณีผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้ จะโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร ตามที่ได้แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือ ณ สำนักงานคลังจังหวัด หรือกรมบัญชีกลาง
ทั้งนี้ คนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือมีบัตรประจำตัวคนพิการแบบเก่า (แบบเล่ม) โดยยังไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนมีบัตรแบบใหม่ แต่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้ว ณ วันที่ 31 สิงหาคม2567 จะถูกรวมในกลุ่มนี้ และได้รับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน
เผยช่องทางผู้พิการ รับเงินอย่างไร
2.2 คนพิการ จะได้รับเงินผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
2.2.1 ช่องทางที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการอยู่ในปัจจุบัน (ทั้งที่รับเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารหรือที่รับเงินสด จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
2.2.2 กรณีคนพิการไม่ปรากฏข้อมูลช่องทางการรับเงินเบี้ยความพิการตามข้อ 2.2.1 จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของคนพิการ
3. กรณีคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือผู้ได้รับเงินเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จะต้องต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ หรือทำบัตรประจำตัวคนพิการให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะได้รับโอนเงินตามโครงการฯอย่างไรก็ดี ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
4. การผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน สามารถผูกบัญชีกับธนาคารใดก็ได้ ที่มีบัญชีเงินฝาก โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นธนาคารของรัฐ ทั้งนี้ ต้องดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
5. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ควรตรวจสอบบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน หรือบัญชีเงินฝากธนาคารให้มีสถานะปกติ (Active) เพื่อพร้อมรับเงินตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
เผยรอบดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ 3 ครั้ง
6. ในกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ รอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 1จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 โดยต้องทำบัตร หรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2567
รอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 2 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ต้องทำบัตร หรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567
รอบจ่ายซ้ำ ครั้งที่ 3 จ่ายเงินภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ต้องทำบัตร หรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2567
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมาย ไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเน้นย้ำว่า คนพิการที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการอยู่แล้วในปัจจุบัน ไม่ว่าจะได้รับเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือรับเงินสดผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้รับเงิน 10,000 บาท ผ่านช่องทางที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการอยู่เดิม
ในขณะที่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องมีบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน โดยมีช่องทางตรวจสอบการมีอยู่ หรือผูกบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนได้หลายช่องทาง เช่น ผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ(ATM) ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หากเป็นผู้พิการบางกลุ่ม ที่มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้ว ภายใน31 สิงหาคม 2567 ขอให้ตรวจสอบเพิ่มว่า บัตรประจำตัวคนพิการของตนหมดอายุหรือไม่ หรือเป็นผู้มีบัตรประจำตัวคนพิการแบบเก่า (แบบเล่ม) ที่ยังไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเพื่อมีบัตรแบบใหม่กับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
เปิดช่องทางตรวจสอบผลการจ่ายเงิน
โดยหากเป็นกลุ่มดังกล่าวนี้ จะโอนเงิน 10,000 บาท ให้ตามสิทธิของกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจะต้องมีบัญชีพร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนด้วย ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่ากลุ่มดังกล่าวนี้มีจำนวนค่อนข้างน้อย
หมายเหตุ : ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ สามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงินในวันถัดไป หลังจากวันที่จ่ายเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
1.1 เว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th (ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 เป็นต้นไป)
1.2 เว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th (ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 เป็นต้นไป)
1.3 แอปพลิเคชัน “รัฐจ่าย” (ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง)
1.4 Call Center กรมบัญชีกลาง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2270 6400 ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
2.1 ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2109 2345 ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา08.30 – 17.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2.2 ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทรศัพท์หมายเลข 0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
3. คนพิการ
3.1 เว็บไซต์ https://govwelfare.dep.go.th/check
3.2 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3.3 Call Center กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 3388 ต่อ 701 – 702 (หน่วยงานออกบัตรประจำตัวคนพิการ) หรือศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
3.4 อปท. กทม. และเมืองพัทยา ที่คนพิการรับเงินเบี้ยความพิการ ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม. อนุมัติ แจกเงิน กลุ่มเปราะบาง 1.45 แสนล้านบาท